จับผู้ต้องหาหลอกผู้หญิงมากักขัง - ทำร้ายร่างกาย

อาชญากรรม
13 ต.ค. 65
12:05
1,605
Logo Thai PBS
จับผู้ต้องหาหลอกผู้หญิงมากักขัง - ทำร้ายร่างกาย
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
ตำรวจกองปราบปราม จับผู้ต้องหาก่อเหตุลวงผู้หญิงผ่านแอปฯ หาคู่แล้วให้มาอยู่ด้วยกันก่อนที่จะทำร้ายร่างกายจนเสียชีวิต ขณะเข้าจับกุมยังสามารถช่วยเหลือผู้หญิงอีกคนที่ถูกหลอกมาให้อยู่ด้วย พบร่องรอยถูกทำร้ายร่างกายด้วยเช่นกัน

วันนี้ (13 ต.ค.2565) ตำรวจกองปราบปรามควบคุมตัวนายธนเดช อายุ 27 ปี ผู้ต้องหาคดีทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนถึงแก่ความตายมาสอบสวน หลังจากถูกจับได้เมื่อวานนี้ (12 ต.ค.) ใน จ.พัทลุง

กรณีนี้สืบเนื่องมาจาก ตำรวจ สน.บางยี่ขัน ได้รับแจ้งพบผู้หญิงอายุ 26 ปี เสียชีวิตอยู่ในห้องเช่าย่านบางกอกน้อย เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา โดยมีร่องรอยการถูกทำร้ายร่างกายจนกะโหลกศีรษะแตก เลือดออกใต้เยื่อหุ้มสมอง จนเสียชีวิต จากการสืบสวนพบว่าผู้ก่อเหตุเป็นแฟนของผู้เสียชีวิต และหลบหนีไป

ตำรวจกองปราบปราม ได้ร่วมสืบสวนจนทราบว่าผู้ต้องหาหลบหนีไปอยู่ในบ้านเช่าที่ อ.เมือง จ.พัทลุง โดยขณะนั้นยังมีผู้หญิงอายุ 31 ปี ที่ถูกล่อลวงมากักขังอยู่ในห้องพักจึงทำการช่วยเหลือ พบว่ามีสภาพร่างกายถูกทำร้ายร่างกายได้รับบาดเจ็บตามร่างกายจำนวนมาก

หญิงผู้เสียหาย เผยว่า รู้จักกับผู้ต้องหาผ่านแอปพลิเคชันหาคู่ จากนั้นได้คุยกันประมาณ 1 เดือน ก่อนที่จะนั่งรถไฟจาก จ.ลำพูน เพื่อมาหาที่ จ.พัทลุง จากนั้นได้พากันไปรับประทานอาหารที่ตลาด ก่อนที่ผู้ต้องหาจะนำจานข้าวปาใส่หน้า และเทน้ำซุปราดศีรษะผู้เสียหาย พร้อมทั้งใช้กำลังทำร้ายร่างกาย ก่อนมาขังไว้ในห้องไม่ให้ออกไปไหน ผู้เสียหายยังเผยว่า ผู้ต้องหายังเสพยาบ้า และจะมาทำร้ายอยู่ตลอด 1 เดือน

พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาพบว่าผู้ต้องหามักจะใช้วิธีหลอกผู้หญิงผ่านแอปพลิเคชันหาคู่อยู่เป็นประจำ และจะขอนัดพบก่อนที่จะพามากักขังที่ห้องและทำร้ายร่ายกาย ซึ่งตำรวจเชื่อว่ายังมีผู้หญิงที่ถูกกระทำในลักษณะนี้อีกจำนวนมาก บางคนถูกบังคับให้ญาติโอนเงินมาด้วย

ส่วนคดีก่อนหน้าที่พบว่ามีผู้หญิงเสียชีวิตในห้องพัก การสืบสวนก็พบว่า ทั้ง 2 คน รู้จักกันผ่านแอปพลิเคชันหาคู่เช่นกัน ก่อนจะล่อลวงมาให้มาอยู่ด้วยกันและทำร้ายร่างกายจนเสียชีวิต เบื้องต้นผู้ต้องหา ให้การรับสารภาพว่าเป็นผู้ก่อเหตุจริง แต่อ้างว่าไม่ได้ตั้งใจเพราะความหึงหวง จากการตรวจสอบประวัติยังพบว่าผู้ต้องหาเคยต้องโทษคดียาเสพติดเมื่อปี 2557 และฆ่าผู้อื่น เมื่อปี 2559

 

แท็กที่เกี่ยวข้อง:

ข่าวที่เกี่ยวข้อง