รายงานพิเศษ : ทุนจีน ข้ามชาติ หรือทุนจากธุรกิจมาเฟีย (EP.2)

อาชญากรรม
4 พ.ย. 65
10:49
1,951
Logo Thai PBS
รายงานพิเศษ : ทุนจีน ข้ามชาติ หรือทุนจากธุรกิจมาเฟีย (EP.2)
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)

กลุ่มที่ 3 เดวิด หรือ สุ่ย ไท่ เหว่ย

สถานบันเทิงทีมีชื่อว่า “Baby Face SuperClub” หรือ เบบี้เฟส ซูเปอร์คลับ เป็นสถานบันเทิงสไตล์อีดีเอ็ม พรีเมียม ตกแต่งด้วยระบบไฟ แสงสี เสียง เต็มรูปแบบ ในร้านแบ่งออกเป็น 2 โซน คือ มีโซฟากลางแบบร้านทั่วไป และยังแยกแบ่งเป็นโซนวีไอพี อีก 3 จุด ตั้งอยู่ในซอยสุขุมวิท 62 ย่านเอกมัย ท้องที่ สน.คลองตัน

“เดวิด หรือ สุ่ยไท่ เหว่ย” อาศัยอยู่ในเมืองไทยมานานเกือบ 10 ปี มีภรรยาและลูก เป็นคนไทย

รายงานพิเศษ : ทุนจีนข้ามชาติ หรือทุนจากธุรกิจมาเฟีย (EP.1)

เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2565 สถานบันเทิง เบบี้เฟซ ถูกตรวจค้นและดำเนินคดี เพราะเปิดเกินเวลาที่กำหนดไว้ มีนักเที่ยวจำนวนมากนับร้อยคน ทั้ง ๆ ที่ เพิ่งจะผ่านพ้นสถานการณ์ระบาดโควิด-19

บ้านพักหรูของ “เดวิด หรือ สุ่ยไท่ เหว่ย” ในซอยย่านสุขุมวิท 63 เป็น 1 ในเป้าหมายที่ตำรวจจู่โจมเข้าไปตรวจค้น ยึดรถยนต์หรู 3 คัน เช่น รถยนต์เฟอร์รารี , รถยนต์โรลส์รอยซ์ และลัมโบร์กินี ไปตรวจสอบเอกสารการซื้อขายการนำเข้า และตรวจยึดปืน 2 กระบอก

กลุ่มที่ 4 กู๋เอี่ยว หรือ นายนิติพัฒน์ โชคชัยธนพร

นิติพัฒน์ โชคชัยธนพร หรือ “กู๋เอี่ยว” เป็นเจ้าของกิจการ Club One ชื่อเดิม “ Bone Pub” พัทยา และมีชื่อจากการจดทะเบียนเปิดกิจการ ตั้งแต่ปี 2559 ชื่อว่า “จิ่นซุ่ย (ประเทศไทย) จำกัด ทุนจดทะเบียนถึง 5 ล้านบาท ทำกิจการทั้ง ซื้อ-ขาย อสังหาริมทรัพย์ และขายอุปกรณ์สื่อสารโทรคมนาคม แต่แจ้งขอปิดกิจการเมื่อ เดือนกันยายน 2565

นิติพัฒน์ โชคชัยธนพร หรือ “กู๋เอี่ยว” ถูกดำเนินคดี ถูกอายัดทรัพย์สิน บ้าน รถยนต์ มูลค่ารวมกว่า 50 ล้านบาทไปตรวจสอบว่าเกี่ยวข้องกับการฟอกเงิน หรือไม่

“กู๋เอี่ยว” ถูกกล่าวหาว่า สวมบัตรประชาชนคนไทย (เลขบัตร 2 2399 00018 XX X ) ไม่ใช่บุคคลตามทะเบียนราษฎร์ตัวจริง “กู๋เอี่ยว” ได้รับการออกบัตรประจำตัวประชาชน ตั้งแต่ปี’35 หรือเมื่อ 30 ปี ที่แล้ว ที่ สำนักเทศบาลเมืองตราด โดยใช้ชื่อจากผู้ที่เสียชีวิต แจ้งว่ามีพ่อเป็นชาวจีน และ แม่เป็นชาวนครราชสีมา ต่อมาเปลี่ยนชื่ออีกหลายครั้ง

ตำรวจย้อนการตรวจสอบข้อมูลตามทะเบียนราษฎร์กลับไป ทั้งสอบคำให้การบุคคลในเครือญาติตามทะเบียนราษฎร์ บันทึกคำให้การจากพยานที่มีชื่อ เป็นแม่ (ม่วย) และพี่สาว (บ๊วย) พยานทั้ง 2 คนให้ถ้อยคำตรงกันว่า ไม่เคยรู้จักหรือเห็นหน้านายนิติพัฒน์ มาก่อน

การตรวจสอบข้อมูลของตำรวจพบชื่อ บุคคลชาวจีน นักลงทุน “Club One พัทยา” หรือ ชื่อเดิม Bone Pub พัทยา คือ หยู่ ฉาง เฟย ถูกจับที่ด่านมุกดาหาร ขณะกำลังจะหลบหนีไปลาว พบว่า ขออนุญาตใช้วีซ่าในฐานะนักเรียน จากตำรวจตรวจคนเข้าเมืองเชียงใหม่

กลุ่มที่ 5 TOPONE Club Bangkok

มีข้อมูลว่า เป็นเครือข่ายเดียวกับ “หยู่ ฉาง เฟย” และ “กู๋เอี่ยว” พัทยา เปิดกิจการที่ใช้ชื่อ “บริษัท ท็อปวัน คลับ บางกอก จำกัด” จดทะเบียนเมื่อปี 2563 ทุน 5 ล้านบาท มีชื่อกรรมการผู้ถือหุ้น คือ “วีรยุทธ แซ่หย้าง”

สถานบันเทิง TOPONE Club Bangkok เคยถูกตรวจค้นหลายครั้ง แต่กลางเดือนตุลาคม 2565 ตำรวจไทยได้รับการประสานงานจากที่ปรึกษาฝ่ายตำรวจจีน และผู้ช่วยทูตตำรวจจีน ประจำสถานทูตจีน ในประเทศไทยว่า มีหญิงชาวจีนชื่อ

น.ส.โย่ว ซื่อ หัว อายุ 32 ถูกพบเสียชีวิตอย่างมีเงื่อนงำ หลังจากไปเที่ยวสถานบันเทิง TOPONE Club Bangkok และพบการถูกปกปิดข้อมูล

เมื่อตรวจสอบพบว่า หญิงสาวชาวจีน มาเที่ยวไทยตั้งแต่ 15 ก.ย.เข้าพักสาทรเคมปินสกี้ แล้วหายตัวไป และเสียชีวิตในวันที่ 17 ก.ย. ที่โรงพยาบาลพระรามเก้า พบสารเสพติด “แอมเฟตามีน” ในร่างกายของแพทย์คาดว่าเป็นสาเหตุทำให้เสียชีวิต

6. กลุ่ม “ จินหลิง”

สถานบันเทิงจินหลิง ใช้ชื่อ สถานที่ว่า “WIP WUP CAR WAS” บังหน้า แต่ข้างในมีรั้วรอบขอบชิด เนื้อที่ประมาณ 2 ไร่ ในอาคารแบ่งเป็นห้องคาราโอเกะ เกือบ 20 ห้อง ประดับด้วยไฟแสงสี มีห้องลับ เก็บยาเสพติด และที่นี่ไม่ใช่แค่คาราโอเกะ แต่เป็นบ่อนการพนัน “บาการา”

คาราโอเกะทุนจีนแห่งนี้ มีนายสิทธิพงษ์ ถือสัตย์เที่ยง และ มีนายไฮเทา กา หวง (HUANG HAITAO) อายุ 39 ปี สัญชาติจีน รับว่าเป็นคนดูแล และมีนายธนบดี สกุลจางเจริญ อายุ 36 ปี รับเป็นเจ้าของ

นายชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ หรือ อีกชื่อ “หาวเจ๋อ ตู้” หรือ “ตู้ห่าว” ซึ่งเป็นคนมีชื่อเงินให้พรรคพลังประชารัฐ 3 ล้านบาท เมื่อเดือนพฤษภาคม ปี 2564 ปฏิเสธว่าไม่ได้เป็นเจ้าของหรือนายทุน “จินหลิง” แต่ให้ข้อมูลว่า สถานที่แห่งนี้เป็นที่ดินของ สมาคมไหหนำ และให้ผู้อื่นเช่า

จากนั้นผู้เช่านำที่ดิน ไปให้เช่าช่วงต่อตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2564 และผู้เช่าช่วง ซึ่งเป็นผู้ประกอบการได้ต่อสัญญาครั้งแรก ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2565 เป็นเวลา 3 ปี “เขาจึงยืนยันว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสถานบันเทิงแห่งนี้”

“หาวเจ๋อ ตู้” หรือ “ตู้ห่าว” เป็นใคร

เบื้องหลังของ “หาวเจ๋อ ตู้” เป็นนายทุนมีกิจการทัวร์จีน กิจการร้านค้าจิวเวลรี ธุรกิจรังนก อสังหาริมทรัพย์ ที่นอนยางพารา และอีกหลายกิจการที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจท่องเที่ยว ที่อาจเรียกได้ว่า เป็น 1 ใน 5 เสือ ธุรกิจทัวร์ศูนย์เหรียญ มีธุรกิจหลายกิจการ ทั้งภูเก็ต - พัทยา และกรุงเทพฯ

มีชื่อไทยว่า นายชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ ได้รับสัญชาติไทย จากการจดทะเบียนสมรสกับหญิงไทย

ในอดีตเป็นชาวจีน เดินทางมาจากเมืองจีนมาทำงานที่ประเทศไทย เมื่อเกือบ 20 ปี ได้ Workpermit และสัญชาติไทยตามกฎหมาย หลังจากแต่งงานกับหญิงไทย ยืนยันว่าเป็นพลเมืองไทย

นายชัยณัฐร์ ยอมรับเรื่องการทำธุรกิจเปิดศูนย์แสดงสินค้าอัญมณี ธุรกิจที่นอนยางพารา สมุนไพร เพื่อจำหน่ายให้นักท่องเที่ยวในภูเก็ต มีหุ้นส่วนเป็นคนไทย และยอมรับการเปิดกิจการที่มีชื่อว่า กั๋วลี่ กรุ๊ป จำกัด

แต่ชัยณัฐร์ หรือ “หาวเจ๋อ ตู้” หรือ “ตู้ห่าว” เป็นข่าวเมื่อปี 2560 จากการร้องเรียนของผู้เสียหาย (บริษัทภูเก็ต เฮลตี้นูทรีเมนต์ จำกัด) ซึ่งเปิดกิจการสวนงู เป็นธุรกิจคู่แข่งกับธุรกิจในเครือทัวร์จีนของ นายชัยณัฐร์ ซึ่งมีชื่อในฐานะผู้บริหารบริษัทโมเดิร์นเจมส์ ภูเก็ต

คดีนั้น ผู้เสียหายร้องเรียนว่า สวนงูของบริษัท เฮลตี้นูทรีเมนต์ จำกัด ถูกวางเพลิง และ รปภ.ถูกรุมทำร้ายบาดเจ็บสาหัสจนพิการ คดีนี้ถูกเก็บไว้ ใช้เวลาการสอบสวนยาวนานถึง 5 ปี แต่คดีนี้ อัยการสั่งไม่ฟ้อง

“ตู้ห่าว” หรือ อีกชื่อ “หาวเจ๋อ ตู้” หรือ นายชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ มีชีวิตส่วนตัวแต่งงานกับ พ.ต.ท.หญิง วันทนารีย์ (ยศในขณะนั้น) หลานของอดีตนายตำรวจระดับสูง พล.ต.อ.ประชา ปัจจุบันเป็น พ.ต.อ.หญิง วัทนารีย์ กรณ์ชายานันท์ ผกก.ฝ่ายความร่วมมือและกิจการระหว่างประเทศ กองการต่างประเทศ

มีข้อมูลในแฟ้มข่าวเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ว่า พล.ต.อ.ประชา และภรรยา เคยไปเปิดกิจการ บริษัท รอยัล เจมส์ ศูนย์จำหน่าย จิวเวลรี มูลค่าลงทุนกว่า 1,000 ล้านบาทที่ภูเก็ต และให้หลานเขย “ตู้ห่าว” เป็นคนดูแลกิจการ

กิจการที่เกี่ยวข้องกับ นายชัยณัฐร์ หรือ “หาวเจ๋อ ตู้” ตัวอย่างเช่น บริษัท กั๋วลี่ กรุ๊ป จำกัด, บริษัท โมเดิร์น ลาเท็กซ์ (ไทยแลนด์) จำกัด , บริษัท หงี่ไถ่ จำกัด, บริษัท รอยัลอินเทอร์เน็ต จำกัด, บริษัท เอฟเวอร์ ยูเนียน จำกัด

บริษัท คิงส์ รังนก (ไทยแลนด์) จำกัด , บริษัท นิว ไหมไทย (ไทยแลนด์) จำกัด , บริษัท โมเดิร์น เจมส์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ,บริษัท เจิ้ง หรง กรุ๊ป จำกัด

และ ข้อต่อของทุนจีน 3 กลุ่ม คือ สถานบันเทิง TOPONE Club Bangkok , Club One และ จินหลิง คือ ยาเสพติดที่เรียกกว่า “ยาแฮปปี้ วอเตอร์” ซึ่งตำรวจจับเอเย่นต์ ชายชาวสิงคโปร์ 2 คน พบอยู่ในไทยเกือบ 20 ปี ยึดยาเสพติด ที่มีบรรจุภัณฑ์คล้ายกัน ใช้สูตรผสมยาเสพติดซึ่งเป็นสูตรยาชนิดเดียวกัน ผู้ต้องหาให้การสารภาพ ว่าลำเลียงมาจากชายแดนไทย-ลาว ซ่อนในลำโพงขณะขนย้าย ก่อนนำไปขายให้เอเย่นต์อีกต่อหนึ่ง ในสถานบันเทิงหลายแห่งในกรุงเทพฯ

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

ค้นบ้านอดีต รมต.เอี่ยวทุนจีน -ตร.ชงมท.รื้อโซนนิ่งสถานบันเทิง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง