ศูนย์อสังหาฯ ห่วงตลาดที่อยู่อาศัยปี 66 ชะลอตัว เหตุ "สิ้นสุดมาตรการ LTV -ดอกเบี้ยขาขึ้น"

เศรษฐกิจ
16 ธ.ค. 65
07:41
537
Logo Thai PBS
ศูนย์อสังหาฯ ห่วงตลาดที่อยู่อาศัยปี 66 ชะลอตัว เหตุ "สิ้นสุดมาตรการ LTV -ดอกเบี้ยขาขึ้น"
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
การผ่อนปรนมาตรการควบคุมการปล่อยสินเชื่อของแบงก์ชาติที่จะสิ้นสุดในปีนี้​ ทำให้ศูนย์ข้อมูลอสังหาฯประเมินว่าจะมีการเร่งโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยทะลุ 1 ล้านล้านบาท​ ​แต่ปีหน้า​คาดว่ายอดโอนจะลดลง ทั้งบ้านและคอนโดฯ

ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ รายงานภาพรวมสถานการณ์ตลาดที่อยู่อาศัยในช่วงไตรมาส 3 ของปี 2565 มีการเปิดตัวโครงการใหม่ และยอดขายในในพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑลลดลงจากไตรมาส​ 2 อยู่ที่​กว่า​ 198,000 หน่วย​ มูลค่ากว่า​ 984,000 ล้านบาท ส่งผลให้ที่อยู่อาศัยเหลือขาย​ 177,000 หน่วย​ มูลค่า​ ​870,000 แสนล้านบาท​ โดยเฉพาะบ้านจัดสรรในกลุ่มราคาตั้งแต่ 10 ล้านบาทขึ้นไป

นายวิชัย วิรัตกพันธ์ รักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์​ ระบุว่า​ ต้องจับตาในช่วงไตรมาส 4 คาดว่าจะมียอดโอนกรรมสิทธิ์เพิ่มขึ้น​ เพราะจะสิ้นสุดมาตรการ LTV จะทำให้ผู้ประกอบการเร่งโอนที่อยู่อาศัยสูงถึง 1 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2564 ที่ประมาณ 950,000 ล้านบาท ซึ่งถือว่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์

แต่สำหรับปี 2566 มองว่า ยอดโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินจะลดลงกว่าปี 2565 ประมาณร้อยละ 14​ ของจำนวนหน่วยขายและลดลงร้อยละ​ 10 ของยอดมูลค่าปัจจัยที่ส่งผลกระทบมาจากการยกเลิกมาตรการ LTV ที่ทำให้ผู้ประกอบการเข้าถึงสินเชื่อได้ยากขึ้นทำให้การลงทุนอสังหาฯลดลง

ขณะเดียวกันอัตราดอกเบี้ยขาขึ้นก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่กระทบต่อการลงทุนในตลาดอสังหาฯ รวมถึงมาตรการภาษีที่ดินที่จะกลับมาจัดเก็บ 100% จึงส่งผลต่อต้นทุนเพิ่มขึ้นของผู้ประกอบการจากการสต๊อกที่ดินเปล่า และสต๊อกเหลือขาย

ดังนั้น​ ในปีหน้า​อยากให้รัฐบาลและแบงค์ชาติ พิจารณาปรับลดค่าโอนกรรมสิทธิ์และจดจำนอง และขยายมาตรการ LTV ออกไปอีก 6 เดือน หรือ 1 ปี เพื่อกระตุ้นตลาดอสังหาฯ ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย และลดผลกระทบราคาบ้านที่จะปรับตัวสูงขึ้นในปีหน้า ร้อยละ ​5-10 จากต้นทุนค่าแรงและวัสดุก่อสร้าง

นายวิชัย​ ยังประเมินว่า นโยบายการขึ้นค่าแรง 600 บาทของพรรคการเมือง จะกระทบต่อตลาดอสังหาฯ มากที่สุด เพราะต้องใช้แรงงานจำนวนมาก ขณะที่เศรษฐกิจพึ่งเริ่มฟื้นตัว ภาครัฐจึงควรที่จะใช้มาตรการอื่น ๆ เข้ามาช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจด้วย

แท็กที่เกี่ยวข้อง:

ข่าวที่เกี่ยวข้อง