เส้นทางชีวิต "พีระพันธุ์" ไม่ปล่อย "ลุงตู่ "อยู่เดียวดาย

การเมือง
30 มิ.ย. 66
19:30
1,163
Logo Thai PBS
เส้นทางชีวิต "พีระพันธุ์" ไม่ปล่อย "ลุงตู่ "อยู่เดียวดาย
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)

“ไม่ทิ้งลุงตู่” และจะทำหน้าที่เลขาธิการนายกรัฐมนตรีจนถึงวินาทีสุดท้าย ในหน้าที่การทำงานและการทำหน้าที่นายกฯ ของ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ความในใจของ “พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ที่เขียนไว้บนหน้าเพจเฟซบุ๊กเมื่อช่วงเย็นวันนี้ (30 มิ.ย.)

พีระพันธุ์ หรือชื่อเล่น “ตุ๋ย” อายุ 64 ปี ถือเป็นนักการเมืองน้ำดีที่คร่ำหวอดอยู่ในแวดวงการเมืองมานาน 27 ปี ก่อนที่จะเข้าเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ และโดดลงสนามเลือกตั้งใน กทม. เมื่อปี 2539 อดีตเคยเป็นผู้พิพากษาและข้าราชการตุลาการ

เป็น ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์มานานถึง 23 ปี ไม่เคยย้ายไปไหน บทบาทในขณะที่อยู่ในพรรคฯ มีหน้าหลัก ตรวจสอบปัญหาทุจริต การจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ของกองทัพ ขณะเป็นประธานกรรมมาธิการป้องกันและปราบปรามการประพฤติมิชอบขอบ (ป.ป.ช.) ของสภาผู้แทนราษฎร

ไม่เท่านั้น ในปี 2544-2548 ยังเข้าไปตรวจสอบคดีค่าโง่ทางด่วน หรือ “คดีทุจริตโครงการก่อสร้างทางด่วนสายบางนา-บางปะกง (ทางพิเศษบูรพาวิถี)” ทำให้ไม่ต้องจ่ายค่าโง่ 6,200 ล้านบาทและดอกเบี้ยอีกนับหมื่นล้านบาท

ลงสนามเลือกตั้งไม่เคยแพ้ เคยได้รับการแต่งตั้งให้เป็นรัฐมนตรีเงากำกับดูแลกระทรวงยุติธรรม ช่วงปี 2550 ซึ่งขณะนั้นพรรคประชาธิปัตย์เป็นฝ่ายค้าน โดยมีอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นหัวหน้าพรรค

เปลี่ยนบทบาทจากรัฐมนตรีเงา “พีระพันธุ์” ได้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ตัวจริงเมื่อปี 2551 ในรัฐบาล “อภิสิทธิ์” มีบทบาทในการผลักดันงานด้านอื่นๆ และกฎหมายสำคัญหลายฉบับ

ปี 2554 “พีระพันธุ์” ลงสมัครรับเลือกตั้งในระบบบัญชีรายชื่อได้เป็น ส.ส. อีกสมัย ทำงานการเมืองต่อเนื่อง

จนถึงปี 2562 ก็ได้รับเลือกตั้งในฐานะ ส.ส. บัญชีรายชื่อ และเกิดเรื่องแตกหักปัญหาการเลือกหัวหน้าพรรประชาธิปัตย์ ได้ “จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์” เป็นหัวหน้าพรรค

วันที่ 9 ธ.ค. 2562 พีระพันธุ์ ตัดสินใจลาออกจากสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ถัดจากนั้นอีก 10 วัน เขาก็ได้รับตำแหน่งข้าราชการการเมืองและเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์

ปี 2564 พีระพันธุ์ ได้สมัครเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ อยู่ได้เพียง 1 ปีจึงลาออกจากพรรคพลังประชารัฐ ปีเดียวกันนั้นเขาได้รับรางวัล “นักการเมืองแห่งปี” แต่ยังช่วย พล.อ.ประยุทธ์ ทำงานในฐานะประธานกรรมการ เพื่อประโยชน์ในการเร่งรัดการแก้ไขปัญหาให้แก่ประชาชนผู้ร้องเรียนและผู้ร้องทุกข์ และการอำนวยความเป็นธรรมให้ประชาชน

ต่อมาเมื่อ “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ มีความชัดเจนว่าจะแยกวงกับ “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และ พีระพันธุ์ ได้เตรียมก่อสร้างบ้านใหม่รวมไทยสร้างชาติ รอรับ “ลุงตู่”

3 ส.ค. 2565 พีระพันธุ์ ได้รับเลือกให้เป็นหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ โดยมี “ลุงตู่” อยู่เคียงข้าง แม้จะเป็น ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่ออันดับ 1 ของพรรค แต่ท่ามกลางสถานการณ์ที่การเมืองพลิกขั้ว และมีแนวโน้มว่ารวมไทยสร้างชาติ ต้องทำหน้าที่ในฐานะฝ่ายค้าน

“ลุงตู่” ไม่ได้อยู่ต่อ ต้องกลับบ้าน “พี่ตุ๋ย” พีระพันธุ์ ซึ่งทำงานเข้าขา ถูกคู่ และผูกพันกับ พล.อ.ประยุทธ์มานาน จึงยอมสละตำแหน่ง ส.ส. บัญชีรายชื่อลำดับ 1 ของพรรค แต่ยังคงทำหน้าที่หัวหน้าพรรคอยู่เช่นเดิม

สัญญาลูกผู้ชายที่ไม่มีใครทวง แต่ “พีระพันธุ์” อยากจะให้และตอบแทน ตอกย้ำด้วยประโยคที่ว่า “ผมไม่มีวันทิ้งคนดีที่ตั้งใจทำงานเพื่อชาติบ้านเมือง ที่รักชาติบ้านเมืองและสถาบันหลักของชาติยิ่งชีวิต อย่างลุงตู่ได้” 

แม้ไม่ได้เข้าสภาในฐานะ ส.ส. แต่หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติและ “ลุงตู่” ไม่ได้ทิ้งพรรคไปไหน ด้วยเหตุยังมี ส.ส. หลากวัยทั้งเก่า-ใหม่อยู่สู้แทน 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง : 

จับกระแสการเมือง : วันที่ 30 มิ.ย.2566 “พีระพันธุ์ ลาออก ส.ส.”

สภาฯ เตรียมพร้อม พิธีเปิดประชุมรัฐสภา 3 ก.ค.

"พล.อ.ประยุทธ์" ปัดตอบเรื่องการเมือง ขอทำหน้าที่รักษาการให้ดีที่สุด

ข่าวที่เกี่ยวข้อง