ชี้ชะตา “พิธา” ก่อนชี้ชะตาประเทศไทย กับนายกฯ คนใหม่

การเมือง
10 ก.ค. 66
14:09
593
Logo Thai PBS
ชี้ชะตา “พิธา” ก่อนชี้ชะตาประเทศไทย กับนายกฯ คนใหม่
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
เหลือเวลาอีก 3 วัน รัฐสภาจะโหวต “นายกรัฐมนตรีคนใหม่” ของเมืองไทยแล้ว แต่แดนดิเดตนายกฯ จากพรรคก้าวไกล ที่จะถูกเสนอชื่อ ยังไม่หมดเรื่องราวให้กังขาคาใจ ไม่ว่าจะเป็นประเด็นแก้ไข ม.112 จนมาถึงเรื่องส่วนตัวอย่างกรณีถือหุ้นไอทีวี

เที่ยงที่ผ่านมา วันนี้ (10 ก.ค.2566) พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี จากพรรคก้าวไกล ไปตอบคำถามที่หลากหลายจาก กรรชัย กำเนิดพลอย พิธีกรคนดังรายการโหนกระแส

ก่อนมีข่าวว่า จะเดินทางไปสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อชี้แจงข้อมูลกรณีถูกร้องเรียนว่าถือหุ้นไอทีวี

เป็นเวลาเดียวกับที่พิธาได้ส่งหนังสือถึง กกต. ระบุเรื่องว่า

“ให้พิจารณาดำเนินการตามระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้ง ว่าด้วยการสืบสวน การไต่สวน และการวินิจฉัยชี้ขาด พ.ศ.2561 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ก่อนการส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญตามมาตรา 82 วรรค 4 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย กรณีมีข้อกล่าวหาหรือคำร้องเกี่ยวกับสมาชิกภาพของข้าพเจ้า นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สิ้นสุดลง”

เหตุที่ต้องทำหนังสือถึง กกต.เช่นนี้ หากตรวจข้อมูลย้อนหลัง ตั้งแต่มีผู้ร้องเรียน กกต.ยังไม่ได้เรียก พิธา ในฐานะ “ผู้ถูกร้อง” ไปให้ข้อมูลหรือชี้แจงใด ๆ เลย แต่จู่ ๆ กลับจะมีการพิจารณาในวันนี้

วันนี้ ที่ประชุม กกต.จะประชุมพิจารณา เรื่องที่คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง กกต. เสนอกรณีมีผู้ยื่นร้องขอให้พิจารณาและส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 82

ระบุว่า การที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ถือครองหุ้นบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) จำนวน 42,000 หุ้น เข้าลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 98 (3) และเป็นเหตุให้สมาชิกภาพ ส.ส.สิ้นสุดลง ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101 (6) หรือไม่

ซึ่งได้มีการรวบรวมข้อเท็จจริง กฎหมาย พยานหลักฐานต่าง ๆ และประสานข้อมูลกับคณะกรรมการไต่สวนนายพิธา กรณีรู้อยู่แล้วว่า ไม่มีสิทธิลงสมัครรับเลือกตั้ง แต่ยังคงลงสมัครตามมาตรา 151 พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.โดยคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ได้สรุปข้อเท็จจริง พยานหลักฐาน ข้อกฎหมายเสร็จสิ้นแล้ว จึงเสนอ กกต.พิจารณา

หาก กกต.มีมติและเสนอเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญ ที่จะมีการประชุมประจำสัปดาห์ในวันที่ 12 ก.ค.นี้ หากศาลรัฐธรรมนูญรับวินิจฉัย และมีคำสั่งให้นายพิธาหยุดปฏิบัติหน้าที่ ส.ส. จนกว่า ศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย นั่นหมายความว่า อาจจะส่งผลกระทบต่อการเลือกนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 13 ก.ค.

อย่างไรก็ตาม แม้จะมีคำวินิจฉัยให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ ส.ส. แต่การเลือกนายกรัฐมนตรี ก็จะยังดำเนินต่อไปได้ และเสนอชื่อนายพิธาได้ เนื่องจากนายพิธา ถูกเสนอชื่อเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ของพรรคก้าวไกล ที่ยื่นต่อ กกต.ก่อนการเลือกตั้งแล้ว

แต่การรับวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญครั้งนี้ จะเป็นเงื่อนไขที่ ส.ว.นำมาอ้างที่จะไม่โหวตให้นายพิธาอีกหรือไม่ จะเป็นอีกประเด็นหนึ่ง ที่ต้องจับตากันต่อไป

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง