"ปกรณ์วุฒิ" เปิดหลักฐานเพิ่ม ตั้งข้อสงสัยงบการเงินบริษัท "ศักดิ์สยาม"

การเมือง
25 ก.ค. 66
12:25
611
Logo Thai PBS
"ปกรณ์วุฒิ" เปิดหลักฐานเพิ่ม ตั้งข้อสงสัยงบการเงินบริษัท "ศักดิ์สยาม"
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
"ปกรณ์วุฒิ" เปิดหลักฐานเพิ่ม ตั้งข้อสงสัยงบการเงินบริษัท "ศักดิ์สยาม" ระบุอาจเกี่ยวข้องฟอกเงิน เตรียมยื่น DSI เพิ่ม ยันพรรคไฟเขียว เชื่อไม่กระทบจัดตั้งรัฐบาล

วันนี้ (25 ก.ค.2566) นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล แถลงเปิดเผยข้อมูลเพิ่มเติมคดี นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ซุกหุ้นห้างหุ้นส่วนจำกัด บุรีเจริญ คอนสตัคชัน จนนำศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว

อ่านขาว ศาลรัฐธรรมนูญ ยืนคำสั่ง "ศักดิ์สยาม" หยุดปฏิบัติหน้าที่รัฐมนตรี 

นายปกรณ์วุฒิ เปิดเผยว่า ได้รับเอกสารชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาเมื่อ 3 - 4 สัปดาห์ก่อน และพบพิรุธหลายจุด พบหลักฐานใหม่ว่า มีหนี้สินคงค้างกับห้างหุ้นส่วนฯ ในวันเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีและไม่ได้ยื่นแสดงบัญชีทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช.

มีข้อมูลว่า นายศักดิ์สยามเคยกู้เงิน ในช่วงปี 2558 - 2559 จำนวน 4 ครั้ง ในวงเงิน 108.4 ล้านบาท มีสัญญากู้ยืมเงิน และชำระหนี้คืนทั้งก้อนวันที่ 22 เม.ย 2562 ก่อนเข้ารับตำแหน่ง 33 วัน โดยอ้างอิงว่า การอภิปรายไม่ไว้วางใจเมื่อปี 2565 ซึ่งได้อภิปรายถามว่าหนี้สินที่นายศักดิ์สยามมีกับห้างหุ้นส่วนแห่งนี้ ได้โอนออกพร้อมกับการโอนหุ้นหรือไม่แต่ไม่เคยได้รับคำตอบ

นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า ข้อมูลดังกล่าวที่ห้างหุ้นส่วนจำกัดไม่เปิดเผย ชี้ให้เห็นว่า หลังจากการโอนหุ้นแล้วไม่มีการโอนหนี้สินก้อนนี้ออกไปด้วย เอกสารเป็นการมัดตัวว่า หนี้สินจำนวนนี้ยังเป็นของนายศักดิ์สยามอยู่หลังการโอนหุ้นเมื่อปี 2561 จึงเกิดคำถามว่า มีการชำระหนี้คืนเมื่อวันที่ 22 เม.ย.2562 จริงหรือไม่

เอกสารที่นายปกรณ์วุฒิ นำมาแสดงเพิ่มเติม

เอกสารที่นายปกรณ์วุฒิ นำมาแสดงเพิ่มเติม

เอกสารที่นายปกรณ์วุฒิ นำมาแสดงเพิ่มเติม

เนื่องจากงบการเงินของห้างหุ้นส่วนสิ้นสุดวันที่ 31 ธ.ค.2562 ระบุชัดเจนว่า ยังมีเงินให้ในส่วนผู้จัดการกู้ยืมคงค้างอยู่ 38 ล้านบาท จากนั้นยอดหนี้สินจึงถูกปิดลงเหลือ 0 บาท ในงบการเงินสิ้นปี 2563 ซึ่งการปิดงบจะต้องสอดคล้องกับเอกสารและยอดเงินในธนาคารทั้งหมดของห้างหุ้นส่วน เพราะจะต้องยื่นต่อหน่วยงานราชการตามกฎหมาย

จึงเป็นไปได้ว่านายศักดิ์สยามเป็นหนี้ห้างหุ้นส่วนอยู่ 38 ล้านบาทในสิ้นปี 2562 และไม่ได้ยื่นบัญชีทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช. สมมติมองในแง่ดีวันที่ 22 เม.ย.2562 มีการโอนเงิน 108 ล้านบาท ให้ห้างหุ้นส่วนตามเอกสาร

นายปกรณ์วุฒิ ยังกล่าวว่า พิรุธในประการต่อไปเมื่อพิจารณาเอกสารชี้แจงจะพบว่า ห้างหุ้นส่วนได้ระบุว่า นายศักดิ์สยามกู้ยืมเงิน 4 ครั้ง ตั้งแต่ในปี 2559, 2560,2561 ระบุยอดตรงกัน 69 ล้านบาท ซึ่งตรงกับการกู้ยืมครั้งที่ 3 - 4 รวมกัน แต่การกู้เงินครั้ง 1-2 เป็นจำนวนเงิน 39 ล้านบาท จึงตั้งคำถามว่า ทำไมไม่เคยปรากฏในงบการเงินแม้แต่ครั้งเดียว และยอดเงินจำนวนดังกล่าวมาจากไหน

พร้อมกันนี้ได้ตั้งข้อสันนิษฐานว่า มีความเป็นไปได้หรือไม่ว่า อาจไม่ได้มีการชำระหนี้และยังมียอดหนี้คงค้างตามงบการเงิน จึงใช้วิธีหายอดเงินที่มีการโอนเข้าห้างหุ้นส่วนจริง ๆ ซึ่งอาจเป็นการทำธุรกรรมเพื่อการอื่นมากล่าวอ้างว่า เป็นการใช้หนี้แต่ยอดเงินดังกล่าวไม่ตรงกับ 69 ล้านบาท จึงต้องสร้างยอดหนี้ใหม่ที่ไม่เคยปรากฏ ทำสัญญาเงินกู้ขึ้นมา ที่ส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญนั้นมีการติดอากรแสตมป์ที่จะมีการประทับวันที่มีผลทางกฎหมายเป็นทางการหรือไม่ โดยชี้ว่า เป็นอำนาจหน้าที่ของ ป.ป.ช. ที่จะสืบสวนต่อไป

อ่านข่าว "ศักดิ์สยาม" ขอเลื่อนส่งเอกสารชี้แจงคำร้องวินิจฉัยความเป็นรัฐมนตรีออกไป 30 วัน 

ข้อสงสัยมากที่สุด คือ ตัวเลขในการยื่นแสดงบัญชีทรัพย์สินไม่สอดคล้องกับการขายหุ้นของห้างหุ้นส่วนดังกล่าว หากขายจริงและได้รับเงิน 120 ล้านบาทจริงในเดือน ม.ค.2561 เหตุใดในการยื่นทรัพย์สินในช่วง 16 เดือนหลังจากนั้นกลับมีเงินสดซึ่งเป็นเงินฝากเพียงจำนวน 76 ล้านบาท ซึ่งหากเป็นตัวเลขจริงอาจเป็นการใช้เงิน ที่ไม่ใช่การซื้อทรัพย์สินอย่างน้อย 40 ล้านบาทภายใน 16 เดือน และตัวเลข 40 ล้านบาทตั้งอยู่บนสมมติฐานว่าก่อนเดือน ม.ค.2561 นายศักดิ์สยามไม่มีเงินเลยแม้แต่บาทเดียว

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ชี้แจงในการอภิปรายไม่ไว้วางใจปี 65

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ชี้แจงในการอภิปรายไม่ไว้วางใจปี 65

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ชี้แจงในการอภิปรายไม่ไว้วางใจปี 65

พร้อมหยิบยกคำชี้แจงในการอภิปรายไม่ไว้วางใจของนายศักดิ์สยามว่า เงินจากการขายหุ้นเป็นเรื่องส่วนตัวที่จะนำไปใช้ จึงไม่จำเป็นรายงานต่อสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จึงตั้งข้อสงสัยว่า หากมีการจ่ายเงินคืนหนี้สินในวันที่ 22 เม.ย.2562 เหตุใดนายศักดิ์สยามจึงไม่นำข้อมูลหลักฐานมาชี้แจงในสภา ซึ่งหนี้สินก้อนนี้ คือ ฟางเส้นสุดท้ายในการยึดโยงนายศักดิ์สยามกับห้างหุ้นส่วนแห่งนี้

นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า หากมีการชำระหนี้ไปแล้วจริงจะเป็นหลักฐานสำคัญว่า ได้ตัดขาดจากห้างหุ้นส่วนแห่งนี้โดยเด็ดขาด และจะสามารถหักล้างข้อสงสัยได้ทันทีทันใด แต่นายศักดิ์สยามไม่ชี้แจงว่า นำเงินจากการขายหุ้นมาใช้คืนหนี้สินให้กับทางหุ้นส่วนจำกัดแห่งนี้มูลค่า 108 ล้านบาท

อ่านข่าว ศาลรัฐธรรมนูญ ยืนคำสั่ง "ศักดิ์สยาม" หยุดปฏิบัติหน้าที่รัฐมนตรี 

นอกจากนี้ยังระบุว่า ยังพบพิรุธในเอกสารที่ได้ส่งที่แจ้งต้องถามรัฐธรรมนูญหลายจุดเช่น นายศักดิ์สยามให้ขอเอกสารจากห้างหุ้นส่วนฯ เป็นเอกสารใบรับวางบิล หุ้นส่วนฯ ผู้จัดการคนใหม่ได้เข้ามาควบคุมเซ็นเอกสารตั้งแต่ต้นปี 2561 ตามที่มีการโอนหุ้นจริง

พร้อมกันนี้ ยังเปิดเผยว่า ได้ยื่นรายชื่อพยานต่อศาลรัฐธรรมนูญจำนวน 22 คน และรายชื่อพยานเอกสารหลายรายการเพื่อให้ศาลเรียกเพื่อหักล้างคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาของนายศักดิ์สยาม และยังพบรายการเดินบัญชี 27 บัญชีของนายศักดิ์สยามและผู้เกี่ยวข้อง ขณะเดียวกันยังเปิดเผยว่า มีทีมงานเพื่อชี้เบาะแสผู้ที่น่าเชื่อว่า ร่วมกันกระทำความผิดฐานฟอกเงินที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI)

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ชี้แจงในการอภิปรายไม่ไว้วางใจปี 65

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ชี้แจงในการอภิปรายไม่ไว้วางใจปี 65

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ชี้แจงในการอภิปรายไม่ไว้วางใจปี 65

จึงขอเรียกร้องไปยังองค์กรอิสระ ทั้ง ป.ป.ช. และศาลรัฐธรรมนูญ เรียกศรัทธาจากสังคมและการปฏิบัติกับทุกคำร้อง ตามกฎหมายตามกำหนดระยะเวลาดำเนินงานในกระบวนการยุติธรรม และมาตรฐานในการทำงานที่กำลังถูกสังคมจับจ้องตั้งคำถาม

นายปกรณ์วุฒิ กล่าวเพิ่มเติมว่า เวลาประมาณ 9 - 10 เดือน ที่ยื่นเรื่องร้องเรียนต่อ ป.ป.ช.และฝั่งศาลรัฐธรรมนูญก็มีเวลาใกล้เคียงกันแต่มีความคืบหน้าไปแล้ว ขณะนี้รอเพียงศาลรัฐธรรมนูญเรียกพยานบุคคลไปให้ข้อมูลเพิ่มเติม

เมื่อถามว่า หากเทียบเคียงกับคดีของ สส.ก้าวไกล ความรวดเร็วและการทำงานแตกต่างกันอย่างไร นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า คงไม่ใช่แค่เรื่องนี้และเรื่องนี้คงเป็นแค่เรื่องหนึ่ง

หากย้อนไปตั้งแต่ยุคของ คสช.ที่มีการยื่นคุณสมบัติของรัฐมนตรีแต่ละกรณีพิจารณาไม่ต่ำกว่า 300 กว่าวันหรือก็มากกว่านั้น แต่หากเป็นเคสของพรรคอนาคตใหม่และพรรคก้าวไกล ก็จะค่อนข้างรวดเร็ว 

ส่วนที่ต้องยื่นเอกสารใหม่อีกครั้งที่ ป.ป.ช.เพราะเป็นหลักฐานเพิ่มเติม และเป็นประเด็นที่แยกย่อยมาจากคำร้องครั้งที่แล้วในคดีซุกหุ้น จึงอยากให้ ป.ป.ช.เรียกดูเอกสารตามอำนาจที่มีทั้งจากธนาคาร และเอกชน รวมถึงราชการที่จะมาเชื่อมโยงได้ว่า ทั้งหมดที่มีการกล่าวอ้างจริงหรือไม่ และตัวเลขหนี้ที่คงค้างอยู่ในงบการเงินนั้น เป็นความผิดพลาดทางงบการเงิน หรือเป็นความผิดพลาดที่ไม่เคยมีการใช้หนี้มาก่อน

เมื่อถามว่า เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับประเด็นการจัดตั้งรัฐบาลที่มีการพูดถึงพรรคอันดับที่ 3 จะมาเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลด้วยหรือไม่ เพราะมีการแถลงในช่วงที่เป็นกระแสเรื่องนี้ นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า ตนได้รับทราบว่า มีเอกสารชุดนี้เมื่อประมาณ 4 สัปดาห์ที่แล้วจาก พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการ พรรคประชาชาติ ช่วงที่ผ่านมาตนก็ได้ยังไม่มีเวลาที่จะดูเรื่องนี้

อ่านข่าว รอด! มติศาล รธน.ไม่รับคำร้อง"ศักดิ์สยาม" แปรญัติงบเอื้อบริษัท 

แต่หลังจากเปิดประชุมสภาแล้ว และได้มีเวลาดูเอกสารประมาณ 1 สัปดาห์ จึงทำเรื่องนี้เสร็จเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (22 ก.ค.66) จึงนำมาสู่การแถลงข่าวโดยไม่มีเหตุผลใดที่จะต้องรออะไรในการที่จะไปยื่น เพราะหากรอไปเกิดมีเหตุการณ์อย่างใดอย่างหนึ่งเกิดขึ้น อาจจะไม่ทันการ จึงคิดว่าจะต้องยื่นทันที

ส่วนจะกระทบไปยังการจัดตั้งรัฐบาลที่มีการขอเสียงพรรคภูมิใจไทยหรือไม่นั้น มองว่า เป็นการทำหน้าที่ตามปกติ เพราะตนก็ออกมาเปิดเผยเรื่องนี้ตั้งแต่ปีที่แล้ว และยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจเอง รวมไปถึงยื่นต่อ ป.ป.ช.และศาลรัฐธรรมนูญเอง ดังนั้นไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องไม่ทำ

ส่วนเรื่องการร่วมรัฐบาลหรือไม่ร่วมรัฐบาลเคยประกาศชัดเจนอยู่แล้วว่า ต่อให้นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกฯ หรือไม่ได้เป็นนายกฯ ก็จะตรวจสอบรัฐมตรีทุกคน ไม่เว้นแม้แต่รัฐมนตรีของพรรคก้าวไกล รวมไปถึงประเด็นเรื่องความซื่อสัตย์สุจริต ที่ได้เซ็นไว้ใน MOU ของ 8 พรรคร่วมด้วย

ส่วนจะเป็นการสื่อสารว่า ไม่เอาพรรคภูมิใจไทยหรือไม่นั้น นายปกรณ์วุฒิ ย้ำอีกว่า จริง ๆ ก็ไม่ใช่ไม่ว่าเราจะร่วมหรือไม่ร่วม ในท้ายที่สุดเราก็ต้องทำงานตรวจสอบพรรคร่วมรัฐบาลทุกคน รวมไปถึงพรรคตัวเองด้วยที่เข้าไปดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี หากมีพฤติกรรมอย่างไรที่ไม่ดีหรือไม่ ซึ่งเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับการเจรจา เพราะการเจรจาร่วมรัฐบาลในตอนนี้เป็นหน้าที่ของพรรคเพื่อไทยและทีมเจรจาของพรรคก้าวไกล ซึ่งตนไม่ได้อยู่ในทีมเจรจา

นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล

นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล

นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล

เมื่อถามว่า ยอมรับหรือไม่ว่า จะกระทบกับการจัดตั้งรัฐบาลนั้น มองว่า ไม่กระทบ เพราะถือว่าเป็นระบบปกติ ทุกคนทราบอยู่แล้วว่า ดีเอ็นเอของพรรคก้าวไกลเป็นแบบนี้ ตนคิดว่า ถ้าพรรคก้าวไกลได้เป็นรัฐบาลและนายพิธาได้เป็นนายก ภาพของการที่พรรคก้าวไกลตรวจสอบพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกันเองคงไม่เป็นที่น่าแปลกใจเท่าไร

ดังนั้น เมื่อเคยพูดแบบไหนก็ทำแบบนั้น ดีกว่าวันนี้แกล้งทำเป็นหลับหูหลับตาแล้ววันหนึ่งเรากลับมาตรวจสอบเขาอย่างเข้มข้น ตนคิดว่าเป็นภาพที่ดูไม่งามเท่าไร ซึ่งตนคิดว่า การตรวจสอบการทุจริตไม่มีเวลาที่ไม่เหมาะสม ในการยืนยันสิ่งที่ถูกต้อง

ส่วนจะบีบให้ทางเลือกเหลือน้อยลงหรือไม่ เพราะหากไม่เอาพรรค 2 ลุง ก็จะเหลือทางเลือกเดียวคือ พรรคภูมิใจไทย โดยมีนายศักดิ์สยามเป็นเลขาธิการพรรค นายปกรณ์วุฒิ ระบุว่า เป็นเรื่องของทีมเจรจาว่าจะไปเจรจาด้วยเงื่อนไขอย่างไร แต่เราก็ยืนยันตรงนี้ว่า เราทำหน้าที่ของเราอย่างต่อเนื่อง ถ้าจะบอกว่าเราต้องรอการเจรจาให้จบก่อน ก็ไม่รู้ว่าการเจรจาจะจบเมื่อไหร่ แล้วจะต้องรอเรื่องที่เราตรวจสอบไว้นานแล้ว ไปอีกนานเท่าไร ดังนั้นจึงมองว่า ไม่มีทางออกที่ดีกว่านี้ นอกจากทำไปตามกระบวนการตามปกติ

นายปกรณ์วุฒิ เตรียมไปยื่นเอกสารเพิ่มเติมที่ ป.ป.ช.

นายปกรณ์วุฒิ เตรียมไปยื่นเอกสารเพิ่มเติมที่ ป.ป.ช.

นายปกรณ์วุฒิ เตรียมไปยื่นเอกสารเพิ่มเติมที่ ป.ป.ช.

ทั้งนี้ หากศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยอย่างใดอย่างหนึ่งไม่ว่านายศักดิ์สยาม จะยังคงตำแหน่งรัฐมนตรีอยู่เหมือนเดิมหรือไม่ เพราะจะมีผลในอนาคต หากคำร้องนี้มีคำวินิจฉัยว่าผิดจริง อย่างน้อยก็ทำให้ไม่สามารถดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีได้อีกอย่างน้อย 2 ปี จากนั้นในเวลา 11.30 น. นายปกรณ์วุฒิเดินทางไปยัง ป.ป.ช. เพื่อยื่นหนังสือให้ตรวจสอบการยื่นบัญชีทรัพย์สินของนายศักดิ์สยามต่อไป 

 

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

ป.ป.ช.กางทรัพย์สิน "ศักดิ์สยาม" หลังพ้นเก้าอี้มูลค่า 110 ล้าน  

ศาล รธน.สั่งผู้เกี่ยวข้องส่งหลักฐานเพิ่ม คดีหุ้น "ศักดิ์สยาม"  

 

 

 

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง