จับ 13 เภสัชกรไร้ใบอนุญาต ลอบขายยาแก้ไอให้เยาวชน

อาชญากรรม
15 ส.ค. 66
15:04
2,760
Logo Thai PBS
จับ 13 เภสัชกรไร้ใบอนุญาต ลอบขายยาแก้ไอให้เยาวชน
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
ตำรวจสอบสวนกลาง ร่วมมือกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กวาดล้างเครือข่ายร้านขายยา จับเภสัชกร 13 คนไม่มีใบอนุญาต ลักลอบขายยาแก้ไอให้เยาวชนและกลุ่มเด็กวัยรุ่น ยึดของกลางรวม 1.4 ล้านบาท

วันนี้ (15 ส.ค.66) ตำรวจกองกำกับการ 4 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ลงพื้นที่ตรวจค้นร้านขายยาทั่วกรุงเทพฯ จำนวน 14 จุด ในช่วงระหว่างวันที่ 24 ก.ค. - 9 ส.ค.66 หลังได้ทราบถึงพฤติกรรมของร้านขายยาเหล่านี้ว่า ใช้พนักงานขายที่ไม่ใช่เภสัชกร ขายยาจำพวกยาแก้ไอ ยาแก้แพ้ ให้กลับกลุ่มวัยรุ่นเพื่อนำไปผสมเป็นยาเสพติดประเภทสี่คูณร้อย

ตำรวจสามารถจับผู้กระทำความผิดที่เป็นพนักงานขายยาที่ไม่ใช่เภสัชกร จำนวน 13 คน พร้อมยึดของกลางเป็นยาปลอม 572 ชิ้น ยาไม่มีทะเบียน จำนวน 212 ชิ้น ยาแก้ไอชนิดน้ำเชื่อม 24,722 ขวด ยาเขียวเหลือง (ทรามาดอล)  4,150 แคปซูล และยาควบคุมพิเศษ จำนวน 21 กล่อง มูลค่ารวมกว่า 1,400,000 บาท

พ.ต.อ.สุพจน์ พุ่มแหยม ผู้กำกับการ 4 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค เผยว่าจากการเข้าตรวจค้น 14 ร้าน มี 1 ร้านที่มีเภสัชกรและเปิดขายอย่างถูกต้อง ซึ่งร้านที่พบการกระทำความผิดส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ย่านรามคำแหง หัวหมาก และลาดพร้าว

จากการเฝ้าตรวจสอบพบว่า มีกลุ่มวัยรุ่นเข้าใช้บริการเป็นอย่างมาก และมีการขายยาแก้ไอ และยาอื่น ๆ ที่ผิดวัตถุประสงค์ เพื่อนำไปผสมเป็นยาเสพติด จึงวางแผนเข้าตรวจค้นจับกุมในครั้งนี้

นอกจากนี้ ยังพบว่าทั้ง 13 คน เป็นคนของเครือข่ายเดียวกัน มีนายจ้างเป็นผู้ลงทุนทำร้านยา เพื่อทำโควต้าในการรับซื้อยาแก้ไอได้มากขึ้น และมีเจตนาเปิดร้านขายยาแสวงหากำไรผิดวัตถุประสงค์ และจรรยาบรรณของอาชีพเภสัชกร โดยในจำนวน 13 คนนี้ เป็นผู้ที่จบการศึกษาระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 จำนวน 3 คน , ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 จำนวน 2 คน และชั้นปริญญาตรี จำนวน 8 คน

ทั้งหมดให้การรับสารภาพว่า รับจ้างเป็นพนักงานของร้านขายยาโดยปฏิบัติหน้าที่ในร้านขายยาเป็นประจำทุกวันแต่จะมีเภสัชกรเข้ามาดูแลเพียงสัปดาห์ละหนึ่งครั้งโดย บุคคลเหล่านี้ ได้รับค่าจ้างเฉลี่ยเดือนละ 12,000  - 18,000 บ.

ในส่วนของยาปลอมที่พบ เภสัชกรวีระชัย นลวชัย รองเลขาธิการ กรรมการอาหารและยา เผยว่า ยาปลอมที่พบสวมเลขทะเบียนยาที่ยกเลิกไปแล้ว ทำให้ส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคเป็นอย่างมากที่อาจจะต้องรับความเสี่ยงจากการทานยาที่ไม่ได้คุณภาพ หรือมีส่วนผสมที่ไม่ถูกต้องเตรียมประสานตำรวจ ขยายผลไปถึงสถานที่ผลิต และยานำเข้าไม่ลงทะเบียนด้วย ตลอดไปจนถึงร้ายขายยาที่รับยาปลอมจากโรงงานไปขาย

เภสัชกร ปรีชา พันธุ์ติเวช อุปนายกสภาเภสัชกรรมคนที่ 2 เผยว่า สำหรับผู้กระทำความผิดจะถูกแจ้งความดำเนินคดีทั้งหมดส่วนเภสัชกร จะถูกดำเนินคดี พร้อมกับลงโทษทางวินัยสั่งพักใช้ใบอนุญาต 2 ปี

นอกจากนี้ยังมีอีกหลายจังหวัด ที่ยังต้องตรวจสอบ หากพบการกระทำความผิดในลักษณะนี้ก็จะดำเนินคดีโดยไม่ละเว้น พร้อมประชาสัมพันธ์ถึงประชาชนว่า หากต้องการตรวจสอบว่า ร้านขายยาว่ามีเภสัชกรขายยาให้ถูกต้องหรือไม่ สามารถดาวน์โหลด แอปพลิเคชัน "ร้านยาของฉัน" ประชาชนสามารถดูได้ว่า ร้านยาใดบ้างที่อยู่ใกล้ และแสดงใบหน้าของเภสัชกร เพื่อให้ตรวจสอบได้ว่าไม่ใช่พนักงานมาขายแทน

สำหรับข้อหาของผู้กระทำความผิด พนักงานขายจะถูกดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.วิชาชีพเภสัชกรรม พ.ศ.2537 เป็นผู้ประกอบวิชาชีพเภสัชกรรมทำการประกอบวิชาชีพเภสัชกรรมหรือแสดงด้วยวิธีใด ๆ ให้ผู้อื่นเข้าใจว่าตนเป็นผู้มีสิทธิประกอบวิชาชีพดังกล่าวโดยมิได้ขึ้นทะเบียนและรับใบอนุญาตต้องระวังโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปีหรือปรับไม่เกิน 30,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ

รวมถึงถูกดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.ยา พ.ศ.2510 ฐานไม่จัดทำบัญชียาที่ซื้อและขายตามที่กำหนดในกฎกระทรวง ระหว่างโทษปรับ 2,000 - 10,000 บ. , ขายยาอันตรายในระหว่างที่เภสัชกรไม่อยู่ปฏิบัติหน้าที่ระหว่างโทษปรับ 1,000 - 5,000 บาท , ขายยาที่ยังไม่ได้ขึ้นทะเบียนตำรับยาต้องระวังโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 5,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ , และขายยาปลอมระวังโทษจำคุกตั้งแต่ 1 ปีถึง 20 ปีหรือปรับตั้งแต่ 2,000 - 10,000 บาท

ส่วนเภสัชกรรมหรือเจ้าของร้านจะความผิดฐานไม่อยู่ปฏิบัติหน้าที่ในช่วงเวลาทำการรวมถึงไม่ควบคุมการขายยาควบคุมการส่งมอบยาอันตรายและควบคุมการทำบัญชีซื้อและขายยาตามที่กำหนดในกฎกระทรวงระวางโทษปรับตั้งแต่ 1,000 - 5,000 บาท และจะถูกลงโทษพักใบอนุญาต 2 ปี ทั้งนี้ ยังต้องเรียกมาสอบปากคำเพิ่มเติม หากมีส่วนรู้เห็นในการรับยาปลอมมาจำหน่าย ก็จะถูกดำเนินคดีเพิ่มเติม

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง