เร่งฟื้นฟู "ต้นไทร 150 ปี" จากไฟป่ารัฐฮาวาย

ต่างประเทศ
30 ส.ค. 66
08:01
342
Logo Thai PBS
เร่งฟื้นฟู "ต้นไทร 150 ปี" จากไฟป่ารัฐฮาวาย
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
1 เดือนที่ผ่านมาที่ "ฮาวาย" เผชิญไฟป่ารุนแรง ความเสียหายไม่ได้เกิดเฉพาะ ปชช. และทรัพย์สินเท่านั้น แต่ต้นไทรอายุกว่า 150 ปีก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน ขณะที่ชาวอเมริกันเตรียมรับมือพายุเฮอร์ริเคนไอดาเลีย ที่กำลังเคลื่อนตัวเข้าใกล้ฝั่งรัฐฟลอริดามากขึ้นเรื่อยๆ

ทางการท้องถิ่นเกาะเมาวี รัฐฮาวาย สหรัฐอเมริกา กำลังใช้ความพยายามอย่างเต็มที่เพื่อชุบชีวิตต้นไทรให้กลับฟื้นขึ้นมาใหม่ โดยหารือกับผู้เชี่ยวชาญด้านต้นไม้ทั่วประเทศ ซึ่งยังไม่แน่ชัดว่าจะสามารถทำให้ต้นไม้ฟื้นกลับมาได้หรือไม่

สภาพของต้นไทรเก่าแก่ในเมืองลาไฮนา บนเกาะเมาวี รัฐฮาวาย ที่ใบแห้งกรอบจนเป็นสีน้ำตาล แต่ยังคงยืนต้นและแผ่กิ่งก้านอยู่ได้ หลังจากไม่กี่สัปดาห์ก่อนหน้า เกิดเหตุไฟป่าครั้งใหญ่ จนสร้างความเสียหายอย่างหนักต่อชุมชนนี้

ต้นไทรอายุ 150 ปี ที่ได้รับผลกระทบจากไฟป่าเกาะเมาวี ฮาวาย

ต้นไทรอายุ 150 ปี ที่ได้รับผลกระทบจากไฟป่าเกาะเมาวี ฮาวาย

ต้นไทรอายุ 150 ปี ที่ได้รับผลกระทบจากไฟป่าเกาะเมาวี ฮาวาย

เมื่อไฟป่าสงบลง เจ้าหน้าที่จึงเดินหน้าฟื้นฟูเมือง รวมถึงชุบชีวิตต้นไทร อายุกว่า 150 ปี ต้นนี้ ที่ถือเป็นสัญลักษณ์ของชุมชนอย่างเต็มที่ โดยกั้นพื้นที่โดยรอบและพยายามเพิ่มความชุ่มชื้น ทั้งคอยฉีดน้ำ ใส่ปุ๋ยและพรวนดินให้ร่วนซุยเพื่อเพิ่มช่องอากาศ รากพืชจะได้ดูดธาตุอาหารและน้ำในดินได้ดี

สตีเฟน นิมซ์ หัวหน้าทีมที่รับผิดชอบการฟื้นฟูต้นไทร อธิบายว่า ต้นไม้อยู่ในอาการโคมา และกำลังต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอด ซึ่งเจ้าหน้าที่พบเนื้อเยื่อมีชีวิตใต้เปลือกไม้และรากไม้ ตอนนี้จึงต้องดูแลประคับประคองช่วยให้ต้นไม้ฟื้นตัว แต่ถ้าอาการยังไม่ดีขึ้น อาจต้องปรับเปลี่ยนวิธี

นิมซ์ ยังบอกด้วยว่า ทางทีมได้ปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญทั่วสหรัฐฯ เพื่อหาวิธีฟื้นฟูต้นไทรต้นนี้ให้ได้ แต่ย้ำว่า ไม่อยากให้ต้นไม้กลายเป็นจุดสนใจของการฟื้นฟูเมือง เพราะยังมีคนอีกมากที่เผชิญความสูญเสียอย่างมหาศาลจากภัยพิบัติในครั้งนี้

ต้นไทรต้นนี้ถูกปลูกขึ้นเมื่อวันที่ 24 เม.ย.1873 ซึ่งตอนนั้น สูงเพียง 2.4 เมตร เท่านั้น ก่อนที่ตลอดช่วง 150 ปี ที่ผ่านมา จะเจริญงอกงามจนสูงถึง 18.2 เมตร และแผ่กิ่งก้านสาขาออกไปจนทำให้ต้นนี้กลายเป็นต้นไทรที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ และติดอันดับต้นๆ ของโลกเลยทีเดียว

สหรัฐฯ เตรียมรับมือ "เฮอร์ริเคนไอดาเลีย"

ทางการสหรัฐฯ ประกาศให้ประชาชนเฝ้าระวังและเตรียมตัวรับมืออย่างเต็มที่กับ "เฮอร์ริเคนไอดาเลีย" พายุเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงสุด 155 กม./ชม. ซึ่งคาดการณ์ว่า น่าจะขึ้นฝั่งในวันพุธนี้ตามเวลาท้องถิ่น 

"น้ำดื่ม" กลายเป็นสินค้าขายดี ที่ถูกคนกว้านซื้อจนเกลี้ยง เนื่องจากประชาชนในรัฐฟลอริดาของสหรัฐฯ เร่งกักตุนสินค้าจำเป็นโดยเฉพาะน้ำดื่ม เพื่อเตรียมความพร้อมรับมือกับพายุเฮอร์ริเคนไอดาเลียที่กำลังเคลื่อนตัวเข้าตัวเข้าใกล้ชายฝั่งทางตะวันตกของรัฐ

ชาวฟลอริดาแห่กักตุนน้ำเปล่า เตรียมรับมือ เฮอร์ริเคนไอดาเลีย

ชาวฟลอริดาแห่กักตุนน้ำเปล่า เตรียมรับมือ เฮอร์ริเคนไอดาเลีย

ชาวฟลอริดาแห่กักตุนน้ำเปล่า เตรียมรับมือ เฮอร์ริเคนไอดาเลีย

ขณะที่ประชาชนจำนวนมากเร่งบรรจุกระสอบทราย พร้อมทั้งเอาแผ่นไม้กระดานมาปิดตามประตูและหน้าต่างเพื่อเสริมความแข็งแรง ป้องกันความเสียหายให้กับบ้านเรือนและอาคารห้างร้านต่างๆ เนื่องจากหน่วยงานด้านอุตุนิยมวิทยาสหรัฐฯ ระบุว่า อิทธิพลของพายุลูกนี้จะทำให้เกิดน้ำท่วมและลมกระโชกแรง รวมทั้งคลื่นสูง 3-5 เมตร บริเวณชายฝั่ง โดยขณะนี้พายุลูกนี้กำลังเคลื่อนตัวอยู่นอกชายฝั่งของฟลอริดาด้วยความเร็วลมสูงถึง 155 กม./ชม. และอาจทวีความรุนแรงมากขึ้นก่อนที่จะพัดขึ้นฝั่งในวันพุธนี้ตามเวลาท้องถิ่น

ปชช.รัฐฟลอริดา เร่งวางกระสอบทรายกั้นน้ำท่วม

ปชช.รัฐฟลอริดา เร่งวางกระสอบทรายกั้นน้ำท่วม

ปชช.รัฐฟลอริดา เร่งวางกระสอบทรายกั้นน้ำท่วม

ด้านผู้ว่าการรัฐฟลอริดา เรียกร้องให้ประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณชายฝั่งอพยพไปยังศูนย์พักพิงหรือโรงแรมที่อยู่นอกพื้นที่เสี่ยง เพื่อความปลอดภัย ขณะที่ โจ ไบเดน ปธน.สหรัฐฯ อนุมัติให้มีการประกาศภาวะฉุกเฉินแล้ว เพื่อให้สามารถเข้าถึงงบประมาณสำหรับการช่วยเหลือจากรัฐบาลกลางได้

นอกจากรัฐฟลอริดาแล้ว รัฐจอร์เจีย และ นอร์ท แคโรไลนา ยังเป็นอีก 2 รัฐ ที่ต้องเฝ้าระวังน้ำท่วมจากอิทธิพลจากพายุลูกนี้เช่นเดียวกัน ซึ่งหน่วยงานด้านอุตุนิยมวิทยาสหรัฐฯ คาดการณ์ว่า ทั้ง 3 รัฐอาจได้รับผลกระทบในวันพุธหรือพฤหัสบดีที่จะถึงนี้

ขณะที่บรรดานักวิทยาศาสตร์ เตือนว่า พายุต่างๆ กำลังทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องมาจากภาวะโลกร้อนที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ปีที่แล้ว ฟลอริดา เผชิญพายุเฮอร์ริเคนเอียน จนเป็นเหตุให้บ้านเมืองเสียหายอย่างหนัก โดยคิดเป็นมูลค่าความเสียหายกว่า 100,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือมากกว่า 3 ล้านล้านบาท และยังเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตไปเกือบ 150 คน

ท่อประปาแตก-น้ำทะลักท่วมรถไฟใต้ดินนิวยอร์ก

ส่วนที่นครนิวยอร์กเกิดปัญหาน้ำท่วมรางรถไฟใต้ดิน แต่สาเหตุไม่ได้มาจากฝนตกหนัก แต่เกิดจากท่อประปาแตก ทำให้น้ำ 1,800,000 แกลลอน ไหลทะลักท่วมรางรถไฟ

สถานีที่เกิดขึ้นอยู่ในย่านไทมส์ สแควร์ บนถนนสาย 42 ซึ่งเป็นสถานีที่มีคนสัญจรมากที่สุดในนิวยอร์ก เหตุเกิดในช่วงเช้ามืดของวันอังคารตามเวลาท้องถิ่น โดยท่อประปาหลักซึ่งมีอายุการใช้งาน 127 ปีแตก ทำให้น้ำไหลทะลักเข้าท่วมรางรถไฟ ส่งผลกระทบต่อผู้โดยสารประมาณ 300,000 คน ซึ่งใช้บริการรถไฟใต้ดินในช่วงเวลาเร่งด่วน คาดว่าน้ำมีปริมาณมากถึง 1,800,000 แกลลอน ซึ่งเจ้าหน้าที่ต้องใช้เครื่องสูบน้ำออกจากรางรถไฟ ซึ่งในระหว่างนั้นจำเป็นต้องปิดสถานีดังกล่าวชั่วคราว

อ่านข่าวอื่น : 

ฝังร่างผู้นำวากเนอร์ ครอบครัว-ชาวรัสเซีย ร่วมอาลัย

ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดอาญาอดีตอธิบดีกรมอุทยานฯ ปมสินบน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง