"ชัชชาติ" สั่ง "เขตจตุจักร" ตรวจสอบการเก็บแบตเตอรี่ หลังไฟไหม้โกดังซอยวิภาฯ 22

อาชญากรรม
7 ก.ย. 66
15:23
490
Logo Thai PBS
"ชัชชาติ" สั่ง "เขตจตุจักร" ตรวจสอบการเก็บแบตเตอรี่ หลังไฟไหม้โกดังซอยวิภาฯ 22
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
"ชัชชาติ" สั่ง ผอ.เขตจตุจักร ตรวจสอบการเก็บแบตเตอรี่รถไฟฟ้าว่า ถูกต้องหรือไม่ พร้อมขยายผลตรวจพื้นที่อื่นที่มีการขายและเก็บให้ถูกต้องตามกฎหมาย

วันนี้ (7 ก.ย.66) จากกรณีเพลิงไหม้อาคารเก็บสินค้าของบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ภายใน ซอยวิภาวดี 22 แขวงจอมพล เขตจตุจักร เมื่อเวลา 23.50 น.ของวันที่ 6 ก.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งภายในมีการเก็บแบตเตอรี่รถไฟฟ้าไว้โดยเพลิงลุกไหม้เสียหายทั้งหลัง

ล่าสุด นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม.กล่าวว่า ในอนาคตจะมีการใช้รถไฟฟ้ามากขึ้น จากกรณีที่เห็นเพลิงไหม้พวกแบตเตอรี่ต่าง ๆ นั้น การดับเพลิงจะไม่เหมือนรูปแบบปกติ หลังจากนี้ กทม.จะมีการเตรียมในเรื่องของประสิทธิภาพในการดับเพลิงประเภทดังกล่าวและการให้ความรู้กับเจ้าหน้าที่บรรเทาสาธารณภัย ทั้ง เจ้าหน้าที่ของ กทม.และที่เป็นอาสาสมัครเพื่อให้สามารถเข้าไปเผชิญเหตุได้ถูกต้อง รวมถึงการจัดเก็บต่าง ๆ ซึ่งทาง กทม.ก็ต้องเตรียมตัวรับมือในเรื่องนี้ด้วย

อ่านข่าว จนท.คุมเพลิงได้แล้ว "ไฟไหม้อาคารเก็บสินค้า" ซอยวิภาวดี 22 

รวมทั้งได้สั่งการให้ ผอ.เขตจตุจักร ไปดูในเรื่องของการเก็บแบตเตอรี่ว่า ถูกต้องตามการใช้งานอาคารหรือไม่ หรือเป็นไปตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร หรือไม่ ในการจัดเก็บวัตถุอันตรายหรือตามกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องและขยายผลไปในพื้นที่ต่าง ๆ ที่มีการจัดเก็บแบตเตอรี่ และจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้า

ด้านนายธีรยุทธ ภูมิภักดิ์ ผอ.สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กล่าวว่า ได้รับแจ้งมีเหตุเพลิงไหม้ตอน 23.00 น.เจ้าหน้าที่ดับเพลิงสถานีดับเพลิงสุทธิสารและพื้นที่ใกล้เคียงเดินทางเข้าที่เกิดเหตุ อยู่ปากซอยซอยวิภาวดีรังสิต 22 ลักษณะที่เกิดเหตุคือเป็นโกดัง ด้านหน้ากำลังก่อสร้างเป็นโชว์รูมขายรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า ชั้น 1 และชั้น 4 เก็บรถจักรยานยนต์และแบตเตอรี่ ซึ่งประกอบด้วยสารลิเธียมไอออนซึ่งใช้กับรถจักรยานยนต์ ชั้น 2 และ 3 เก็บพวกอาหารเสริมส่วน

ขณะที่ ชั้น 4 เก็บรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่ ตัวอาคารมีความลึกประมาณ 50 ม.มีทางเข้าทางเดียว และพื้นอาคารเป็นไม้ ทำให้เจ้าหน้าที่ที่เข้าปฏิบัติหน้าที่ต้องเข้าไปด้วยความระมัดระวัง เกรงว่า พื้นอาคารอาจจะทรุดลง เนื่องจากเพลิงได้ลุกไหม้พร้อมกันทั้ง 4 ชั้น เพราะมีปล่องลิฟต์ส่งผลให้ไฟลามไปชั้นอื่นได้อย่างรวดเร็วจึงทำให้การเข้าดับเพลิงเป็นไปด้วยความยากลำบาก

ประกอบกับสารเคมีลิเธียมไอออน ก็เหมือนถ่านไฟฉายจำนวนมากเชื่อมกันไว้ เมื่อใช้น้ำอุณหภูมิก็จะนิ่งแต่เมื่อหยุดใช้น้ำ ไฟฟ้าที่ยังคงความร้อนอยู่ก็จะจุดติดขึ้นมาใหม่จึงต้องมีการฉีดน้ำคลุมไว้ตลอดเวลา

ทั้งนี้ ที่ผ่านมาสำนักป้องกันและบรรเทาสารธารณภัย ได้มีจัดอบรมทบทวนการเผชิญเหตุซึ่งมีการให้ความรู้เกี่ยวกับไฟฟ้าโซล่าเซลล์ในบ้านเรือนและรถไฟฟ้าเพิ่มเติมด้วย  

อ่านข่าว 

จนท.คุมเพลิงได้แล้ว "ไฟไหม้อาคารเก็บสินค้า" ซอยวิภาวดี 22 

 

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง