"นาซา" แถลงยังไม่เคยพบ UAP หรือ UFO ที่มาจากต่างดาว

Logo Thai PBS
"นาซา" แถลงยังไม่เคยพบ UAP หรือ UFO ที่มาจากต่างดาว
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
"นาซา" เปิดเผยผลการศึกษาข้อค้นพบเกี่ยวกับ "ปรากฏการณ์ผิดปกติที่ไม่อาจระบุได้" หรือ UAP เดินหน้าศึกษาเพิ่ม

เมื่อช่วง 3 ทุ่ม ของวันที่ 14 ก.ย.2566 ที่ผ่านมา (ตามเวลาประเทศไทย) องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติของสหรัฐฯ หรือ องค์การนาซา แถลงผลการศึกษาเกี่ยวกับ "ปรากฏการณ์ผิดปกติที่ไม่อาจระบุได้" หรือ UAP ย่อมาจาก Unidentified Anomalous Phenomena หรือที่รู้จักกันในนาม "UFO" (Unidentified Flying Object) ซึ่งแปลได้ว่า "วัตถุปริศนาบินได้ที่ยังไม่สามารถอธิบายได้" พร้อมกับเผยแพร่รายงานเกี่ยวกับการสังเกตการณ์ทางเทคนิคและวิทยาศาสตร์ จำนวน 36 หน้าด้วย ท่ามกลางการจับตาของผู้คนที่ให้ความสนใจกับเรื่องนี้จำนวนมาก 

ในการแถลงข่าวนาซา ยังได้ประกาศแต่งตั้งผู้อำนวยการเพื่อทำการวิจัยเกี่ยวกับการศึกษา UAP คนใหม่ เพื่อสร้างฐานข้อมูลที่แข็งแกร่งสำหรับการประเมินข้อมูลในอนาคต โดยที่จะมีการใช้ปัญญาประดิษฐ์เข้าช่วยด้วย 

นาซา แถลงผลการศึกษาเกี่ยวกับ

นาซา แถลงผลการศึกษาเกี่ยวกับ

นาซา แถลงผลการศึกษาเกี่ยวกับ "ปรากฏการณ์ผิดปกติที่ไม่อาจระบุได้" หรือ UAP

นาย บิล เนลสัน ผู้บริหารของนาซา กล่าวว่า นาซาจะไม่เพียงเป็นผู้นำการวิจัยเกี่ยวกับ UAP แต่จะแบ่งปันข้อมูลที่มีความโปร่งใสมากขึ้น

ส่วนหนึ่งของรายงาน นาซายังระบุด้วยว่า ยังไม่มีเหตุผลที่จะสรุป ว่าสิ่งมีชีวิตนอกโลกเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการพบเห็นปรากฏการณ์ UAP หลายร้อยครั้ง ที่นาซาสืบสวน

อย่างไรก็ตาม.. วัตถุเหล่านั้นต้องเดินทางผ่านระบบสุริยะของเราเพื่อมาถึงที่นี่ รายงานระบุ

และถึงแม้ว่ารายงานจะไม่ได้มีข้อสรุปเกี่ยวกับการมีอยู่ของสิ่งมีชีวิตนอกโลก แต่นาซาก็ไม่ปฏิเสธความเป็นไปได้ที่จะมี เทคโนโลยีของมนุษย์ต่างดาว ที่ไม่รู้จักกำลังปฏิบัติการอยู่ในชั้นบรรยากาศของโลก

นอกจากนี้ รายงานของนาซา ระบุว่า เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ เป็นเครื่องสำคัญในการระบุ UAP ขณะที่สาธารณชน ยังถือว่ามีความสำคัญในการทำความเข้าใจปรากฏกาณณ์ UAP อีกด้วย

อ้างอิง BBC

เม็กซิโกเผยซากฟอสซิลอายุ 1,000 ปี

การแถลงครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากมีการเปิดเผยหลักฐานกลางสภาเม็กซิโก ที่ระบุว่าเป็นซากฟอสซิลของ "สิ่งที่ไม่ใช่มนุษย์" ซึ่งร่างขนาดเล็ก 2 ร่าง จัดแสดงอยู่มีนิ้ว 3 นิ้วที่มือแต่ละข้าง และมีศีรษะยื่นออกมา โดยยังระบุด้วยว่า ทั้งสองร่าง ถูกค้นพบในประเทศเปรูเมื่อปี 2017 โดยมีอายุประมาณ 700 ปี และ 1,800 ปี

ในอดีตเคยมีการค้นพบซากของสิ่งมีชีวิตในลักษณะนี้มาแล้ว แต่พบว่าเป็นร่างมัมมี่ของเด็ก แต่สำหรับครั้งนี้ผลจากการตรวจสอบทั้งการเอ็กซเรย์ วิเคราะห์โครงสร้างแบบสามมิติ และตรวจดีเอ็นเอ ยืนยันว่า ไม่ใช่มนุษย์อย่างแน่นอน

ยังไม่พบ UAP หรือ UFO ที่มาจากต่างดาว 

เรื่องนี้ ดร.มติพล ตั้งมติธรรม นักวิชาการดาราศาสตร์ สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (สดร.) ยังได้อธิบายเพิ่มเติมอีกว่า องค์การอวกาศนาซา ระบุเหตุการณ์ที่ผ่านมา ยังไม่เคยมีเหตุการณ์ใดที่ยืนยันได้ว่ามีต้นกำเนิดมาจากต่างดาว แต่เล็งเห็นถึงความสำคัญ และตั้งเป้าว่าเป็นสิ่งที่ควรจะศึกษาอย่างเป็นระบบต่อไปในอนาคต

เรื่องของ UFO รวมไปถึงสิ่งมีชีวิตต่างดาวที่อาจจะมาเยือนโลก ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้คนให้ความสนใจเป็นอย่างมากความสนใจอันล้นหลามนี้ก็มักจะนำมาซึ่งจินตนาการเสริมแต่ง จนกลายเป็นทฤษฎีสมคบคิดอย่างมากมาย และความกังวลการเชื่อมโยงต่อทฤษฎีสมคบคิดเหล่านี้เอง จึงเป็นหนึ่งในอุปสรรคสำคัญทำให้ที่ผ่านมาไม่ค่อยมีผู้ที่จะตั้งใจศึกษาปรากฏการณ์ที่ไม่สามารถอธิบายเหล่านี้ได้อย่างเป็นระบบ

แต่ในบางครั้งการขาดแคลนการศึกษาอย่างเป็นระบบนี้เอง ยิ่งทำให้เกิดการตีความผิดกันไปต่าง ๆ นา ๆ หรือเกิดความวิตกเพิ่มมากขึ้น จากการรับรู้แหล่งข้อมูลที่ไม่สามารถยืนยันได้ด้วยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์

ตัวอย่างเช่น เมื่อเร็ว ๆ นี้ Jaime Maussan ผู้ที่กล่าวอ้างว่าตนเองเป็น "ผู้เชี่ยวชาญเรื่องยูเอฟโอ" ออกมาเปิดเผย "ซากของเอเลี่ยน" ในประเทศเม็กซิโกที่มีอายุนับพันปี และมีดีเอ็นเอของสิ่งที่ไม่ใช่มนุษย์

ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่นาน Maussen เพิ่งจะประกาศการค้นพบซาก "เอเลี่ยน" ที่แท้จริงแล้วเป็นเพียงมัมมี่โบราณจากนัซกาไปก่อนหน้านี้ และการที่รหัสพันธุกรรมของวัตถุ ๆ หนึ่งไม่สามารถระบุแหล่งที่มาได้นั้น ไม่ได้เป็นการยืนยันว่าวัตถุนั้นจะต้องมีต้นกำเนิดมาจากต่างดาวแต่อย่างใด

ตั้งเป้าเป็นสิ่งที่ควรจะศึกษาอย่างเป็นระบบต่อ

ด้วยเหตุนี้ องค์การอวกาศนาซาจึงเล็งเห็นถึงความจำเป็นที่จะต้องตั้งคณะกรรมการในการศึกษาปรากฏการณ์ปริศนาเหล่านี้ ซึ่งในขั้นแรกเริ่มจากการระบุนิยามใหม่ว่าเป็น UAP หรือ ปรากฏการณ์แปลกประหลาดที่ยังไม่สามารถอธิบายได้เพื่อพยายามจะลดอคติที่อาจจะเกิดขึ้น และทำให้นักบินหรือนักวิทยาศาสตร์ทั่วไปกล้าที่จะออกมารายงานหรือศึกษาปรากฏการณ์เหล่านี้อย่างจริงจังมากยิ่งขึ้น พร้อมทั้งระบุแนวทางในการรวบรวมข้อมูล รายงาน และศึกษาอย่างเป็นระบบในอนาคต

พร้อมกันนี้ องค์การอวกาศนาซาได้เล็งเห็นว่าการทำความเข้าใจ หาคำตอบ และค้นหาคำอธิบายเพื่ออธิบายปรากฏการณ์ที่ยังไม่ทราบคำตอบ รวมไปถึงการหาสิ่งมีชีวิตจากต่างดาว ไม่ว่าจะอยู่นอกโลก หรืออาจจะอยู่ในชั้นบรรยากาศของเรา ต่างก็ล้วนแล้วแต่เป็นส่วนหนึ่งของภารกิจที่สำคัญของนาซาด้วยกันทั้งสิ้น

และไม่ควรที่จะเพิกเฉยและปล่อยให้เกิดการตีความกันโดยปราศจากการชี้นำโดยหลักการทางวิทยาศาสตร์อีกต่อไป จึงเป็นสิ่งที่ควรจะศึกษาอย่างเป็นระบบ และใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ที่ถูกต้องในการเก็บข้อมูลและหาคำอธิบายปรากฏการณ์เหล่านี้

ดร.มติพล อธิบายเพิ่มว่า คณะกรรมการได้นำปรากฏการณ์ UAP ในอดีตที่เคยบันทึกได้มาศึกษา แต่ก็ยังไม่เคยพบปรากฏการณ์ใดที่ยืนยันได้ว่ามีต้นกำเนิดมาจากนอกโลกของเรา หรือ พูดง่าย ๆ ก็คือ ยังไม่เคยยืนยันได้ว่าจานบิน หรือมนุษย์ต่างดาวเคยมายืนบนโลกของเรา

อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการก็ยังยืนยันอีกว่า มีเหตุการณ์ UAP อีกเป็นจำนวนมาก ที่ไม่สามารถอธิบายได้ทั้งหมด และยังคงเป็นปริศนาอยู่จนถึงทุกวันนี้ เป็นการตอกย้ำความสำคัญที่จะต้องมีการรายงานและศึกษาปรากฏการณ์เหล่านี้อย่างเป็นระบบ ซึ่งอาจจะนำไปสู่การค้นพบปรากฏการณ์สำคัญที่เรายังไม่รู้จักต่อไปในอนาคต

นอกจากนี้ คณะกรรมการยังบ่งชี้ถึงความเป็นไปได้ว่าสิ่งมีชีวิตนอกโลกนั้นอาจจะมีอยู่จริง และยังคงรอคอยการค้นหาอยู่ และแม้ว่าเราจะยังไม่สามารถค้นหาสิ่งมีชีวิตต่างดาวในชั้นบรรยากาศของเราได้เร็ว ๆ นี้ แต่เราสามารถที่จะใช้เทคโนโลยีที่มีอยู่ในปัจจุบัน ทั้งดาวเทียม กล้องโทรทรรศน์ หรือกล้องโทรทรรศน์อวกาศ ที่อาจจะค้นพบชีวิตที่อาศัยอยู่บนดาวเคราะห์หินที่โคจรอยู่ในระยะห่างที่พอเหมาะที่โคจรอยู่รอบๆ ดาวฤกษ์ นอกเหนือจากดวงอาทิตย์ของเราได้ในอนาคตอันใกล้นี้

อ่านข่าวอื่น ๆ 

นักดาราศาสตร์ พบสัญญาณวิทยุจากกาแล็กซีไกล 9,000 ล้านปีแสง

พบวิธีตรวจจับดาวเคราะห์นอกระบบแบบใหม่ คาดช่วยค้นหาเอเลี่ยนในอนาคต

ผลวิจัยล่าสุดเผย วัตถุลึกลับ "โอมูอามูอา" ไม่ใช่ยานของเอเลี่ยน

AI อาจค้นพบเอเลียน ก่อนหน้ามนุษย์

ข่าวที่เกี่ยวข้อง