“กัญจนา” รุดเยี่ยมพร้อมช่วยเหลือ 2 พี่น้อง พ่อแม่ถูกกล่าวหาโบกปูนฝังดินน้อง

อาชญากรรม
20 ก.ย. 66
13:52
724
Logo Thai PBS
“กัญจนา” รุดเยี่ยมพร้อมช่วยเหลือ 2 พี่น้อง พ่อแม่ถูกกล่าวหาโบกปูนฝังดินน้อง
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
“กัญจนา” ที่ปรึกษา รมว.พม. รุดเยี่ยมเหยื่อพ่อแม่ฆ่าโบกปูนเด็ก 2 ขวบ วอนสังคมชี้เบาะแสความรุนแรงในครอบครัว ให้เด็กรอดพ้นการถูกทำร้าย ไม่เป็นสมบัติที่ชำรุดของสังคม

กรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมพ่อฆ่าลูก 2 ขวบโบกปูน เจ้าหน้าที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้ช่วยเหลือนำตัวเด็กหญิง 2 พี่น้อง วัย 12 ขวบ และ 4 ขวบ ที่ถูกพ่อแม่ทำร้าย โดยคนพี่ถูกทุบตีมีบาดแผลหลายแห่ง ขณะที่คนน้องถูกจับแช่น้ำ และยังถูกจับขังไว้ในห้องพักบนอพาร์ทเม้นท์ พื้นที่แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร

วันนี้ (20 ก.ย.2566) เวลา 10.00 น. น.ส.กัญจนา ศิลปอาชา ที่ปรึกษาคณะที่ปรึกษาติดตามและเร่งรัดขับเคลื่อนนโยบาย รมว.พม. พร้อมด้วย นายนิกร จำนง ประธานคณะที่ปรึกษาติดตามและเร่งรัดขับเคลื่อนนโยบายรมว.พม. เดินทางเข้าเยี่ยมเด็กทั้ง 2 คน ที่บ้านพักเด็กและเยาวชนกรุงเทพฯ บริเวณสถานสงเคราะห์เด็กหญิงบ้านราชวิถี กทม. และที่ โรงพยาบาลรามาธิบดี

โดยมี นายธนสุนทร สว่างสาลี รองปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ และนางเตือนใจ คงสมบัติ รองอธิบดีกรมกิจการเด็กและเยาวชน ร่วมคณะลงพื้นที่เยี่ยมและติดตามการช่วยเหลือคุ้มครองเด็ก

น.ส.กัญจนา ศิลปอาชา ที่ปรึกษาคณะที่ปรึกษาติดตามและเร่งรัดขับเคลื่อนนโยบาย รมว.พม.

น.ส.กัญจนา ศิลปอาชา ที่ปรึกษาคณะที่ปรึกษาติดตามและเร่งรัดขับเคลื่อนนโยบาย รมว.พม.

น.ส.กัญจนา ศิลปอาชา ที่ปรึกษาคณะที่ปรึกษาติดตามและเร่งรัดขับเคลื่อนนโยบาย รมว.พม.

น.ส.กัญจนา กล่าวว่า ขั้นตอนของการช่วยเหลือเด็กของพม. หลังจากที่ได้นำเด็กทั้ง 2 คนออกมาจากจุดที่เป็นอันตราย เพื่อให้มั่นใจว่า ไม่มีใครทำร้ายน้องได้อีก ให้มาอยู่ในความดูแลของ พม.

จากนี้ดำเนินการรักษาบาดแผล และถึงแม้ว่าเด็กคนโต จะไม่มีบาดแผล ให้เห็นในปัจจุบันแต่มีร่องรอย ส่วนเด็กคนเล็กยังอยู่ในความดูแลของแพทย์ที่โรงพยาบาล และขั้นตอนต่อไปคือการฟื้นฟูจิตใจ ซึ่งต้องใช้เวลาพอสมควร

จากนั้นจะเป็นการวางแผนอนาคตของเด็กว่าจะเป็นไปอย่างไร โดยมีรูปแบบ ญาติอุปถัมภ์ ดูว่ามีครอบครัวไหน มีความพร้อม สามารถรับน้องไปดูแล แต่หากไม่มี ญาติอุปถัมภ์ก็จะต้องหา ครอบครัวอุปถัมภ์ ที่พอจะรับน้องได้ ซึ่งขั้นตอนนี้ต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง

เนื่องจากขั้นตอนของการฟื้นฟูทั้งร่างกายและจิตใจ กินเวลานานพอสมควร แล้วจึงมาดูขั้นตอนต่อไปกันว่าจะมีญาติอุปถัมภ์ หรือ ครอบครัวอุปถัมภ์ แต่ถ้าไม่มีเลยสุดท้ายจริง ๆ ซึ่งเราไม่อยากให้เกิด คือน้องต้องไปอยู่บ้านสงเคราะห์ ซึ่งแนวทางดังกล่าวทางกรมไม่อยากทำมากที่สุด

น.ส.กัญจนา กล่าวว่า เรื่องความรุนแรงในครอบครัวขอความกรุณาว่า อย่ามองว่าเป็นเรื่องของครอบครัวใคร ครอบครัวมัน เพราะเราอยู่ในสังคมเดียวกัน โดยเฉพาะถ้าผู้ถูกกระทำความรุนแรงในครอบครัว เป็นผู้ที่มีเสียงน้อย เป็นผู้ที่อ่อนแอ เสียงเขาจะไม่มีพลัง ไม่ดัง แต่เพื่อนบ้านใกล้เคียง จะเป็นผู้ที่รู้และสามารถสังเกตเห็นได้ ช่วยเป็นปากเป็นเสียงให้กับพวกเขาด้วย

กรุณาถือว่าเราอยู่ในสังคมเดียวกัน ถ้าไม่ช่วยเหลือกันเขาซึ่งเป็นผู้อ่อนแอ ช่วยตัวเองไม่ได้ก็จะเกิดเหตุที่น่าสงสาร จึงอยากให้ทุกคนช่วยเป็นหูเป็นตา เพราะหากเด็กเหล่านี้รอดพ้นจากการถูกทำร้าย โตขึ้นเขาก็จะเป็นสมบัติที่ชำรุดของสังคม แล้วจะเป็นลูกโซ่ของความทารุณ เขาก็จะไปทำทารุณคนอื่น เพราะเขาเคยถูกกระทำมาก่อน จะเป็นมรดกที่ชั่วร้ายของสังคมไทย

น.ส.กัญจนา กล่าวต่อว่า ตั้งแต่ นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.พม. เข้ามาก็จะทำให้สายด่วน 1300 เป็นพลังที่พึ่งของสังคมได้ นอกจากนี้ยังมีแอพพลิเคชั่นไลน์ ชื่อ "Ess Help Me" หรือระบบแจ้งเหตุฉุกเฉินทางสังคม ESS ที่สามารถแจ้งเบาะแส ได้อีกช่องทางหนึ่ง

น.ส.กัญจนา กล่าวว่า เวลาเราเห็นข่าวความรุนแรงในครอบครัว มักจะเห็นว่าเป็นภาคเอกชนที่มาเป็นตัวเชื่อมมาโดยตลอด แต่ภาครัฐทำไมจึงไม่เป็นหน่วยงานแรกที่เข้าช่วยเหลือ รองอธิบดีอธิบายว่า ภาครัฐทำงานกันมากกว่า 80 % เพียงแต่เมื่อเราทำงาน เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนจึงไม่ค่อยเป็นข่าว

อ่านข่าวอื่นๆ

ตร.เร่งค้นหาเด็กหายอีก 2 คน เชื่อมโยงคดีพ่อฆ่าลูก 2 ขวบ

"ปดิพัทธ์" แจงยิบปมดูงานสิงคโปร์ เปิดราคาตั๋วเครื่องบิน-ที่พัก

ภารกิจนายกฯไปประชุมยูเอ็น ปัญหาการสื่อสาร “ไม่เคลียร์”

ข่าวที่เกี่ยวข้อง