ส.ส.โอดบทลงโทษหนักกว่าอาญา ผิดจริยธรรมร้ายแรงอนาคตดับวูบ

การเมือง
22 ก.ย. 66
09:52
711
Logo Thai PBS
ส.ส.โอดบทลงโทษหนักกว่าอาญา ผิดจริยธรรมร้ายแรงอนาคตดับวูบ
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
นอกจากเป็นบรรทัดฐานและแสดงให้เห็นถึงความเข้มข้นความผิด มาตรา 112 แล้ว กรณี “ช่อ”น.ส.พรรณิการ์ วานิช ยังมีมุมสะท้อนด้านจริยธรรมนักการเมือง ที่บทลงโทษรุนแรง และมีผลต่ออนาคตของนักการเมืองมากกว่าคดีอาญา

คือตัดสิทธิสมัครรับเลือกตั้งถาวร และห้ามมีตำแหน่งทางการเมือง เพราะในทางการเมืองแล้ว เท่ากับการประหารชีวิตทางการเมืองดี ๆ นี่เอง

ถือเป็นลงโทษนักการเมืองให้หวั่นเกรง เข็ดหลาบ ตามเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญปี 2560 ที่เรียกว่า เป็นรัฐธรรมนูญฉบับปราบโกง และเป็นหนึ่งในชุดมาตรการยาแรง ที่ถูกนำมาใช้ เช่นเดียวกับ กฎหมายว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง

ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ที่มีการติดดาบให้อำนาจมากขึ้น รวมทั้งศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง หรือศาลปราบโกง ที่ไม่ให้นับระยะเวลาที่ผู้ถูกกล่าวหาหรือจำเลยหลบหนี รวมเป็นส่วนหนึ่งของอายุความ คือถ้าหนีต้องหนีตลอดชีวิต และศาลยังสามารถพิจารณาคดีลับหลังได้

บทลงโทษที่รุนแรงจากการทำผิดจริยธรรมอย่างร้ายแรง จึงเป็นของแสลง เป็นของต้องห้ามสำหรับนักการเมือง ทั้ง สส.และ สว. อันเป็นผลพวงจากรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 219 ที่กำหนดให้ศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ เป็นผู้กำหนดมาตรฐานทางจริยธรรมขึ้นมาบังคับใช้ โดยเนื้อหาต้องระบุให้ชัดเจนในประเด็นข้อห้ามด้วย

ต่อมาเมื่อศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระจัดทำเสร็จ “มาตรฐานทางจริยธรรมของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ รวมทั้งผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน และหัวหน้าหน่วยงานธุรการของศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ แล้วเสร็จ และยังนำไปใช้บังคับแก่ สส. สว. และครม. ด้วย

ในช่วงที่ผ่านมา มี สส.ไม่น้อยกว่า 3-4 คน ที่โดนข้อหาทำผิดจริยธรรมอย่างร้ายแรง ล่าสุด คือกรณีของ น.ส.พรรณิการ์ ที่ศาลฎีกาให้ถอนสิทธิรับเลือกตั้งตลอดชีวิต และไม่มีสิทธิดำรงตำแหน่งทางการเมืองอื่น

ก่อนหน้านี้ มี น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ อดีต สส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ กรณีบุกรุกป่าสงวน จ.ราชบุรี ก็โดนศาลฎีกา พิพากษาเช่นเดียวกับ น.ส.พรรณิการ์ เช่นเดียวกับ นางกนกวรรณ วิลาวัลย์ อดีต รมช.ศึกษาธิการ ที่ศาลฎีกาก็พิพากษาให้พ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรี ให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งตลอดชีวิต และไม่มีสิทธิดำรงตำแหน่งทางการเมือง

ไม่ต่างจากนายอนุรักษ์ ตั้งปณิธานนท์ อดีต สส.มุกดาหาร พรรคเพื่อไทย กรณีตบทรัพย์อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล 5 ล้านบาท และน.ส.ธณิกานต์ พรพงษาโรจน์ อดีต สส.พรรคพลังประชารัฐ กรณีเสียบบัตรแทนกัน

ถือเป็นการถูกประหารชีวิตทางการเมืองโดยตรง เพราะหมดโอกาสจะกลับคืนสู่เวทีการเมือง แต่กระนั้น การถูกตัดสิทธิหรือเพิกถอนสิทธิ โดยมีกรอบเวลา ก็มี สส.โดนกันอีกหลายคน แต่ยังมีโอกาสจะกลับมา เมื่อครบกรอบเวลาคำพิพากษาลงโทษ เพราะบางคนก็มีความโดดเด่นอยู่ในตัว

นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เป็นหนึ่งในจำนวนนั้น จากคดีให้กู้ยืมเงินแก่พรรคอนาคตใหม่ 191.2 ล้านบาท นอกจากศาลรัฐธรรมนูญมีคำตัดสินให้ยุบพรรคอนาคตใหม่แล้ว นายธนาธร ในฐานะกรรมการบริหารพรรค ยังโดนตัดสิทธิพร้อมกรรมการบริหารพรรคคนอื่น ๆ 10 ปี

แต่สำหรับอดีต สส.ตัวตึง นายสิระ เจนจาคะ อดีต สส.กรุงเทพฯ พรรคพลังประชารัฐ ถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสมาชิกภาพการเป็น สส. ต้องสิ้นสุดลง หลังถูกจำคุกตามคำพิพากษาศาล ในคดีฉ้อโกงเมื่อ 26-27 ปีก่อน ทำให้เขาเป็นบุคคลที่มีลักษณะต้องห้าม ไม่ให้ใช้สิทธิสมัครเลือกตั้งเป็น สส. ตามรัฐธรรมนูญ ปี 2560 เท่ากับโดยตัดสิทธิไปโดยถาวร เว้นแต่จะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่าด้วยคุณสมบัติผู้สมัคร สส.ใหม่

นอกจากนี้ ยังมีอีกหลายคนที่โดนตัดสิทธิทางการเมือง รวมทั้ง อดีตแกนนำ กปปส. หลังศาลอาญาพิพากษาจำคุกแกนนำในคดีการชุมนุม แต่พ้นคดีข้อกล่าวหากบถ ในจำนวนนี้ ที่เป็นส.ส.3 คน คือ นายณัฎฐพล ทีปสุวรรณ นายชุมพล จุลใส และนายอิสสระ สมชัย ต้องหลุดจากการเป็น สส.เนื่องจากศาลอาญาสั่งเพิกถอนสิทธิทางการเมือง 5 ปีด้วย

ทั้งหมดเป็นเพียงส่วนหนึ่งของ สส.ที่ต้องเจอกับวิบากกรรมต่างกรรมต่างวาระกัน แต่ที่เหมือนกัน คือโดนตัดสิทธิทั้งถาวรและชั่วคราว แต่ที่แน่ ๆ คือ คงไม่มี สส.หรือ สว.คนใดอยากให้เกิดขึ้นกับตัวเอง

วิเคราะห์ : ประจักษ์ มะวงศ์สา

ข่าวที่เกี่ยวข้อง