“บิ๊กโจ๊ก” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. เพิ่งรามือจากคดีนี้ ได้เพียงสัปดาห์เดียว เข้าวันจันทร์ที่ 25 ก.ย. ก็เกิดข่าวใหญ่ขึ้นอีก คราวนี้เกิดขึ้นกับตัว “บิ๊กโจ๊ก” เอง
เมื่อตำรวจกองบัญชาการสืบสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) หรือตำรวจไซเบอร์ บุกล้อมจะเข้าตรวจค้นบ้านพัก ในซอยวิภาวดี 60 ตั้งแต่เช้าตรู่ ด้วยข้อหาเกี่ยวข้องกับเว็บไซต์การพนัน
เจ้าตัวยังอยู่ในชุดเสื้อยืดแขนสั้น กางเกงขาสั้น และไม่ยอมให้เข้าตรวจค้น จน พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. ต้องเดินทางมาด้วยตนเอง จึงยอมให้เข้าตรวจค้นด้วยตัวเอง
นี่ไม่ใช่อุปสรรคแรกของ “บิ๊กโจ๊ก” ตั้งแต่เป็นนายพล ยิ่งเข้าใกล้ถึงเก้าอี้ ผบ.ตร. ก็ยิ่งมีอุปสรรคเพิ่มขึ้น
พ.ศ.2566 ชื่อของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล เป็นอาวุโส ลำดับ 2 ที่เป็นคู่ชิงเก้าอี้ ผบ.ตร. กับ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ครบวาระเกษียณอายุราชการ ปี 2574 เรียกว่าเหลืออายุราชการมากที่สุด แต่มีอายุน้อยที่สุดในบรรดาผู้เข้าชิงและเป็นที่รู้จักในวงกว้าง
บิ๊กโจ๊กจบมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนมหาวชิราวุธ จ.สงขลา นักเรียนเตรียมทหาร รุ่นที่ 31 และจบปริญญาตรี จากโรงเรียนนายร้อยตำรวจ รุ่น 47 เข้ารับราชการครั้งแรก วันที่ 1 ก.พ.2537
ทำงานเรื่อยมากระทั่งเป็น ผกก.สภ.หาดใหญ่ จ.สงขลา และขยับขึ้นเป็น รองผบก.ภ.จว.สงขลา ดูแลพื้นที่ จ.สงขลา (ส่วนหน้า) 4 อำเภอ ที่นับรวมกับ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทำให้ได้อายุราชการทวีคูณ
ติดยศ พล.ต.ต.ครั้งแรก ตำแหน่ง ผบก.ประจำสำนักงาน ผบ.ตร. ประสานนายกรัฐมนตรี ทำให้มีโอกาสใกล้ชิดกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ที่ดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ปี 2558 โยกมาเป็น ผู้บังคับการตำรวจท่องเที่ยว แต่ยุคนั้นทำหน้าที่จับกุมคดีต่าง ๆ มากมาย จนเป็นที่สงสัยว่า มีหน้าที่อะไร เมื่อดูในคำสั่งพบว่า ได้รับมอบหมายจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้เป็นหัวหน้าคณะทำงานหลายชุดด้วยกัน
ซึ่งตำแหน่งที่สร้างบทบาทให้เขาเป็นอย่างมากคือ รองผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการป้องกันปราบปรามการฉ้อโกงทรัพย์สินของประชาชน นั่นคือการแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ
ปี 2559 ขยับไปเป็น ผู้บังคับการตำรวจสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ 191 ก่อนได้รับแต่งตั้งเป็น รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว และเป็นผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง
แต่แล้วเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อวันที่ 5 เม.ย.2562 พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. (ในขณะนั้น-2562) มีคำสั่งย้าย พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ไปปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยขาดจากการปฏิบัติหน้าที่ทางตำแหน่งเดิม
วันที่ 9 เม.ย.2562 ที่ประชุม ครม.มีมติโอน พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ปฏิบัติราชการศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปก.ตร.) เป็นข้าราชการพลเรือน สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี โดยให้ ขาดจากตำแหน่งหน้าที่และอัตราเงินเดือนเดิม แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง ที่ปรึกษาพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
ก่อนจะย้ายกลับมาสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เมื่อวันที่ 28 มี.ค.2564 โดยดำรงตำแหน่ง ที่ปรึกษา (สบ 9) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ขณะที่ดำรงตำแหน่ง รอง ผบ.ตร. รับผิดชอบงานสืบสวนสอบสวน กำกับดูแลงานสืบสวนของ บก.สส. และงานสืบสวน ในตำรวจภูธรตั้งแต่ภาค 1-9 รวมถึงกำกับดูแลงาน สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ, รพ.ตร. (เฉพาะ นต.)
นอกจากนี้ยังเป็นหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับหนี้นอกระบบ (ศปน.ตร.), ศูนย์ปราบปรามการกระทำผิดความผิดเกี่ยวกับน้ำมันเชื้อเพลิง (ศปนม.ตร.), ศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว และปราบปรามการค้ามนุษย์ (ศพดส.ตร.)
ผลงานเด่นของ “บิ๊กโจ๊ก” หลังโอนกลับมาจากสำนักนายกฯ กลับมาเป็นตำรวจ เมื่อวันที่ 28 มี.ค.2564 ในขณะนั้นยศ พล.ต.ท. ตลอดช่วงเวลากว่า 2 ปีที่ผ่านมา ได้นำทีมลุยงานสืบสวนคลี่คลายคดีความหลายคดีด้วยกัน
เข้าไปสางปมคดีแอม สรารัตน์ จากกรณีใช้สารพิษ โพแทสเซียมไซยาไนด์ ผสมอาหาร เครื่องดื่ม เพื่อปลิดชีพคนใกล้ชิด หวังทรัพย์สิน ล้างหนี้
จากการเสียชีวิตของหญิงสาวคนหนึ่ง บิ๊กโจ๊กสืบสวนขยายผลพบความเชื่อมโยงที่ต้องสงสัยว่า แอม สรารัตน์ ก่อเหตุในลักษณะเดียวกันอีกถึง 14 คดี ในช่วงเวลาต่อเนื่องกันหลายปี
แม้วันนี้จะเห็นหน้า “บิ๊กโจ๊ก” ออกมาแอคชั่นในหลายคดี โดยเฉพาะคดีสำคัญใหญ่ๆ ค่อยคลี่คลายไปได้ แต่ทว่า “งานใหญ่” ของตัวเอง ที่ถูกกล่าวหาว่า เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์พนันออนไลน์ ก็ไม่ง่ายเหมือนกัน
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
"บิ๊กโจ๊ก" ชี้หมายค้นบ้านไม่โปร่งใส ลั่นการเมืองใน ตร. - ดิสเครดิต
สะพัดรวบ 5 ตร.ลูกน้อง "บิ๊กโจ๊ก" ยศ พล.ต.ต.-ชั้นประทวน
"บิ๊กโจ๊ก" บริสุทธิ์ใจ ปัดโยงพนันออนไลน์ ลั่นหากลูกน้องทำผิดไม่ละเว้น