พ่อเด็กอายุ 14 ร่วมงานศพชาวเมียนมาถูกยิง-ขอโทษนายจ้าง

อาชญากรรม
6 ต.ค. 66
20:46
5,337
Logo Thai PBS
พ่อเด็กอายุ 14 ร่วมงานศพชาวเมียนมาถูกยิง-ขอโทษนายจ้าง
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
พ่อของเด็กอายุ 14 ปี เดินทางไปร่วมงานศพของชาวเมียนมาที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์ยิงในห้างสรรพสินค้า พร้อมขอโทษนายจ้างและมอบเงินช่วยเหลือเยียวยา

วันนี้ (6 ต.ค.2566) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ่อเยาวชนอายุ 14 ปี ที่ก่อเหตุยิงในห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน เดินทางไปร่วมพิธีสวดพระอภิธรรมศพของโมมิน หรือ ตะวัน ชาวเมียนมาที่เสียชีวิตจากเกตุการณ์ดังกล่าว

หลังจากสวดพระอภิธรรมศพเสร็จสิ้น พ่อของเยาวชนได้เดินเข้าไปขอโทษนายจ้าง พร้อมมอบเงินช่วยเหลือเยียวยา โดยกล่าวขณะขอโทษนายจ้างว่า วันนี้มาร่วมแสดงความเสียใจกับผู้เสียชีวิต ครอบครัวรู้สึกตกใจและเสียใจเป็นอย่างมากกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมรับผิดชอบและช่วยเหลือเยียวยาทุกอย่าง และอยากขอโทษห้างสรรพสินค้า ญาติผู้เสียชีวิต รวมถึงผู้ได้รับบาดเจ็บทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ

พร้อมระบุอีกว่า ในฐานะพ่อของผู้ก่อเหตุและตัวแทนของครอบครัว ไม่อยากให้เหตุการณ์นี้้เกิดขึ้นและส่งผลกระทบต่อประเทศไทย ร่วมถึงอยากขอโทษเจ้าหน้าที่ทุกคนที่เดือดร้อนจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

พ่อเยาวชนอายุ 14 ปียังกล่าวถึงเรื่องการดำเนินคดี ว่า เบื้องต้นได้แสดงให้เห็นแล้วว่าไม่ได้ประกันตัวลูกชายในชั้นศาล ขณะนี้ถูกคุมตัวเข้าสถานพินิจดำเนินคดีตามกฎหมาย เพื่อรับผิดชอบในสิ่งที่เกิดขึ้น ส่วนกรณีที่มาร่วมพิธีสวดพระอภิธรรมศพล่าช้า เนื่องจากอยู่ระหว่างประสานงานเรื่องของลูกชาย ส่วนในรายละเอียดอื่นๆ ขอให้การในชั้นศาล

ทั้งนี้ หลังจากพ่อของเยาวชนให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนแล้ว ก็ได้เข้าไปเคารพและขอขมาศพ ก่อนที่จะเดินทางกลับทันที โดยไม่ได้พบกับครอบครัวของผู้เสียชีวิต เนื่องจากครอบครัวมีกำหนดเดินทางมาร่วมสวดพระอภิธรรมศพในวันพรุ่งนี้ (7 ต.ค.) แต่ได้มอบเงินช่วยเหลือเยียวยาฝากไว้กับนายจ้าง

สำหรับการสวดพระอภิธรรมในวันนี้ (6 ต.ค.) มีเพื่อนร่วมงานและนายจ้างเก่าที่เคยดูแลผู้เสียชีวิตมาร่วมงาน ซึ่งบรรยากาศเป็นไปอย่างโศกเศร้า

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ส่งเด็ก 14 ปีเข้า "สถาบันกัลยาณ์ฯ" ประเมินจิตเวช 5 วัน

ผู้ปกครองเด็กวัย 14 ส่งข้อความขอโทษเหตุการณ์ยิงในพารากอน

เหตุยิงในห้าง "รัฐ-พารากอน" เยียวยาผู้เสียชีวิตคนละ 6.2 ล้านบาท

ข่าวที่เกี่ยวข้อง