อ้างว่า เป็นเรื่องความพยายาม จะดิสเครดิตทั้งพรรคก้าวไกลและตัวเขา เพื่อเบี่ยงเบนกลบเกลื่อนเรื่องที่เขากำลังตรวจสอบใน จ.ปราจีนบุรี
สอดคล้องกับคำแถลงของ นายณัฐวุฒิ บัวประทุม รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล และเป็นหนึ่งในคณะกรรมการจริยธรรม สภาผู้แทนราษฎรชุดที่แล้ว ในฐานะประธานกรรมการวินัยพรรค ที่อ้างในการแถลงข่าวเมื่อวันที่ 11 ต.ค.66 ว่า มีการกล่าวหากันไปมาระหว่าง 2 ฝ่าย ต่างอ้างถึงตัวบุคคล เอกสาร และหลักฐานจำนวนมาก ทำให้กระบวนตรวจสอบยังไม่เสร็จสิ้น
อ่านข่าว : "วุฒิพงศ์" เปิดใจผิดหวังมติ-ไม่ลาออก หลังถูกขับพ้นก้าวไกล
ทั้งยังตั้งกรรมการวินัยเพิ่มจาก 7 คน เป็น 9 คน หนึ่งในนั้น คือ ทนายแจม น.ส.ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ เหตุผลคือ มีจำเป็นที่ต้องสอบข้อเท็จจริงบางประเด็นเพิ่ม แต่ใช่ว่าเมื่อกรรมการวินัยสอบเสร็จสิ้น จะฟันธงว่าผิดหรือไม่ผิดได้เลย ต้องส่งต่อให้กรรมการบริหารพรรค พิจารณาในชั้นสุดท้ายก่อน
เข้าทำนองตั้งกันเองสอบกันเอง ยังไม่นับเรื่องยื้อเวลาออกไป ทั้งที่จุดยืนของพรรคก้าวไกล และเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้พรรคเติบโต และได้รับความนิยมจากประชาชนมากในการเลือกตั้ง สส.ที่ผ่านมา คือการทำพรรคการเมืองแบบใหม่ ไม่ยึดติดตำแหน่ง ประชาชนใหญ่กว่าพรรค และมีกฎเหล็กด้านคุณธรรมจริยธรรมชัดเจน
รวมทั้งกฎเหล็กสร้างความเท่าเทียมทางเพศ 10 ข้อ ที่ประกาศตอกย้ำอีกครั้ง ในวันสตรีสากล 8 มี.ค.2566 ก่อนหน้าวันเลือกตั้ง 14 พ.ค.ไม่นาน
อ่านข่าว : รู้จัก "วุฒิพงศ์ ทองเหลา" สส.ปราจีนบุรี หลังก้าวไกลขับพ้นพรรค
นายวุฒิพงศ์ ทองเหลา สส.ปราจีนบุรี
นายวุฒิพงศ์ ทองเหลา สส.ปราจีนบุรี
แม้จะมองอย่างเข้าใจในเหตุผลของนายณัฐวุฒิ เพื่อให้เกิดความชัดเจนและเกิดความเป็นธรรมกับทั้ง 2 ฝ่าย จึงต้องสอบเพิ่มในบางประเด็น ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติ
ในกรณีที่การร้องเรียนขาดหรือไม่มีพยานหลักฐานเอกสารสนับสนุนข้อร้องเรียน ย่อมมีเหตุมีผลในการขอยืดเวลาสอบ แต่ในกรณีนี้ มีแชทไลน์ยืนยันการพูดคุยของคู่กรณี ซึ่งฝ่าย สส.ที่ถูกร้อง เป็นฝ่ายเปิดเกมรุกอย่างเด่นชัด ทั้งข้อความทั้งภาพ และความพยายามจะยัดเยียด เข้าตำรา “หมาหยอกไก่” แต่ไก่ไม่เล่นด้วย
ขณะที่ฝ่ายร้องเรียน ก็เคลื่อนไหวผ่านการโพสต์ข้อความ ทั้งผู้ร้องและเพื่อนของผู้ร้องเรียน ที่ถือเป็นหนึ่งในพยานบุคคล และระบุชัดว่า ได้มีการร้องเรื่องนี้ไปที่พรรค ตั้งแต่เดือน ส.ค. แต่ไม่มีอะไรคืบหน้า และระบุว่า สส.ก็ยังลอยหน้าลอยตาอยู่ได้
เท่ากับอีกฝ่ายก็ได้อดทน และผ่านขั้นตอนการร้องเรียนอย่างที่ควรจะเป็นแล้ว ขณะที่หลักฐานหรือข้อมูลของฝ่ายถูกร้อง ยังไม่มีใครเห็น หรือมีการแสดงเพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องแชตไลน์ที่ สส.อ้างว่า ตัดทอนมาบางส่วน แต่แชทไลน์ฉบับเต็มก็ยังไม่เปิดเผย
มีเพียงอ้างประเด็นถูกดิสเครดิต เรื่องตนเข้าไปตรวจสอบเรื่องภาวะมลพิษในเขต จ.ปราจีนบุรี ซึ่งน่าจะหมายถึงในเขต อ.ศรีมหาโพธิ ที่มีทั้งเรื่องบ่อขยะ น้ำเสีย กากสารพิษจากโรงงานอุตสาหกรรม ที่ชาวบ้านในพื้นที่เผชิญมาอย่างต่อเนื่อง
ถึงอย่างไร เรื่องการทำหน้าที่ตรวจสอบ กับเรื่องแชทไลน์คุกคามทางเพศ ก็เป็นคนละกรณีกัน หากยึดหลักจริยธรรมความเหมาะสมเป็นตัวตั้ง
อ่านข่าว : "ก้าวไกล" ตั้งคณะทำงานพิเศษฯแก้ไขปัญหาความรุนแรงทางเพศ - "เบญจา"ประธาน
นายจะเด็จ เชาว์วิไล ผู้อำนวยการมูลนิธิหญิงชายก้าวไกล ที่ทำงานด้านสิทธิความเท่าเทียมมานาน ระบุชัดว่า การเมืองใหม่ไม่ควรจะเน้นเฉพาะแนวคิดแบบประชาธิปไตยในเชิงการเมือง แต่ต้องควบคู่ไปกับการเคารพสิทธิเสรีภาพ ความเท่าเทียมของคนอื่น ไม่ควรยอมรับหรือสนับสนุนสังคมแนวคิด “ชายเป็นใหญ่” สามารถรังแกเพศหญิงหรือเพศตรงข้ามได้ตามอำเภอใจ
นอกจากนี้ ยังย้ำว่า ภัยคุกคามหรือการละเมิดทาวเพศ ไม่ใช่เฉพาะเรื่องการกระทำ การสัมผัสแบบถูกเนื้อต้องตัวเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการคุกคามในรูปแบบอื่น ๆ เช่น โดยสายตา คำพูดหรือโดยวิธีการอื่น ๆ อย่างการใช้สื่อออนไลน์
กรณี สส.แชตฉาวที่เกิดขึ้นกับคนของพรรคก้าวไกล ปฏิเสธไม่ได้ว่า มีผลกระทบต่อภาพพจน์และความน่าเชื่อถือของพรรคอย่างเลี่ยงไม่ได้ นอกจากจุดยืนของพรรคสำหรับการทำการเมืองแบบใหม่แล้ว ผู้ที่เลือกเทคะแนนให้ในการเลือกตั้งที่ผ่านมา ส่วนใหญ่ต้องการเห็นการเมืองไทยเปลี่ยนแปลงพัฒนาในเชิงบวก ไม่ใช่เดินซ้ำรอยการเมืองเก่า
หากสุดท้าย พรรคที่เป็นความหวังใหม่ๆ กลับไม่ต่างจากพรรคการเมืองเดิม ๆ ตราบนั้น การเมืองจะจมปลักอยู่กับที่เดิม ความศรัทธาในกลุ่มที่อยากให้การเมืองไทยเดินไปข้างหน้าอย่างมีคุณภาพ จะเลือนหายไป
จึงเป็นเรื่องที่พรรคก้าวไกลต้องกล้าแสดงจุดยืน และความเด็ดขาด ชัดเจน ภายในเวลาที่เหมาะสม หาไม่แล้วจะถูกมองว่า เยื้อเวลา ปกป้องกันเอง เพราะช่วงที่ผ่านมา มีกรณีการล่วงละเมิดเยาวชน การคุกคามทางเพศ รวมถึงการทำร้ายแฟน ปรากฏให้เห็นเนือง ๆ
และบางเรื่อง ก็ยังไม่ได้ข้อสรุป อย่างกรณีอดีตผู้สมัคร สส.ชัยภูมิ ผ่านไป 4 เดือนแล้ว ผลการร้องเรียนก็ยังไม่มีข้อสรุป ยังมาต่อด้วยเรื่อง สส.ปราจีนบุรี อีก
เป็นโจทย์ใหญ่เรื่องใหญ่ของพรรคก้าวไกล ท้าทายหัวหน้าพรรคคนใหม่ นายชัยธวัช ตุลาธน และกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ แต่เป็นคนหน้าเดิม ว่าจะกล้าแค่ไหน อย่างไร
วิเคราะห์ : ประจักษ์ มะวงศ์สา
อ่านข่าวอื่นๆ
"จุรินทร์" เล็งเสนอ กมธ.พัฒนาเศรษฐกิจ ติดตามนโยบาย "ดิจิทัลวอลเล็ต"
"ธรรมนัส" ขีดเส้น 8 วันกวาดล้างห้องเย็น หลังเหตุยิง หน.ด่านกักกันสัตว์เพชรบูรณ์