แห่อพยพ! กาซาตอนใต้คนแออัด-ขาดแคลนขั้นวิกฤต

ต่างประเทศ
16 ต.ค. 66
09:17
1,093
Logo Thai PBS
แห่อพยพ! กาซาตอนใต้คนแออัด-ขาดแคลนขั้นวิกฤต
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
หลังจากกองทัพอิสราเอลให้คนที่อยู่ตอนเหนือของกาซาอพยพลงใต้ ทำให้สถานการณ์ทุกด้านเลวร้ายลงทั้งปัญหาความแออัด ขาดแคลนอาหาร เชื้อเพลิงและอุปกรณ์พื้นฐานจำเป็น

เมื่อวันที่ 15 ต.ค.2566 สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า สถานการณ์ในพื้นที่ทางตอนใต้ของกาซามีความแออัดมากกว่าเดิม เนื่องจากผู้คนจากทางตอนเหนืออพยพลงมาตอนใต้ ซึ่งประสบปัญหาขาดแคลนอาหารและของใช้ที่จำเป็นอยู่แล้ว โดยประชาชนในคาน ยูนิส ซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของเขตกาซา ต้องเข้าแถวยาวเพื่อรอเติมน้ำสะอาด เช่นเดียวกับร้านขายขนมปังที่มีคนแย่งกันซื้อขนมปังนำไปบริโภค

เช่นเดียวกับสถานีบริการน้ำมัน มีประชาชนจำนวนมากเข้าคิวยาวเหยียดเพื่อรอเติมน้ำมัน นักวิเคราะห์ด้านเศรษฐศาสตร์ของกาซา ระบุว่า การปิดกั้นและตัดเส้นทางลำเลียงของกาซา ส่งผลกระทบอย่างหนักทั้งต่อประชาชน องค์กรบรรเทาทุกข์ รวมถึงโรงพยาบาลที่ไม่มีเชื้อเพลิงสำหรับการปั่นไฟ

อ่านข่าว : กองทัพอิสราเอลรอสัญญาณ "บุกภาคพื้นดิน" เข้าเขตกาซา

ชาวปาเลสไตน์ในเมืองคาน ยูนิส ทางตอนใต้ของฉนวนกาซา เข้าคิวรอซื้อขนมปัง

ชาวปาเลสไตน์ในเมืองคาน ยูนิส ทางตอนใต้ของฉนวนกาซา เข้าคิวรอซื้อขนมปัง

ชาวปาเลสไตน์ในเมืองคาน ยูนิส ทางตอนใต้ของฉนวนกาซา เข้าคิวรอซื้อขนมปัง

สำหรับการอพยพในเขตกาซา ทางการอิสราเอลได้กำหนดเส้นทางอพยพหลักไว้ 2 เส้นทางให้ประชาชนอพยพ ซึ่งประเมินว่ามีมากกว่า 1,000,000 คน ทั้งนี้หน่วยงานด้านการแพทย์ในกาซา เตือนว่า ประชาชนหลายพันคนอาจเสียชีวิต เนื่องจากมีผู้บาดเจ็บจำนวนมากที่รอการรักษาในโรงพยาบาล แต่ปัญหาคือขณะนี้ในเขตกาซาขาดแคลนทั้งเชื้อเพลิงและอุปกรณ์พื้นฐานที่จำเป็น

ด้านองค์การอนามัยโลก (WHO) ออกแถลงการณ์ระบุว่า การสั่งให้ประชาชนอพยพจากตอนเหนือลงไปทางใต้ ไม่ต่างอะไรกับคำสั่งประหารชีวิต โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคนที่บาดเจ็บและล้มป่วย เนื่องจากหลายคนอาการเข้าขั้นวิกฤตและจำเป็นต้องพึ่งพาอุปกรณ์เพื่อให้มีชีวิตรอด ไม่ว่าจะเป็นคนที่ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ เด็กทารกที่ต้องอยู่ในตู้อบ หญิงมีครรภ์ที่มีปัญหาในการคลอด เป็นต้น การเคลื่อนย้ายผู้ป่วยเหล่านี้เท่ากับว่าพวกเขาไม่สามารถใช้อุปกรณ์เหล่านี้ได้ในระหว่างการอพยพ

องค์การอนามัยโลกยังเรียกร้องให้อิสราเอลยกเลิกคำสั่งอพยพในเขตกาซาทันที และขอให้ปกป้องสถานที่ทางการแพทย์ ปกป้องบุคลากรทางการแพทย์ ผู้ป่วยและพลเรือน รวมถึงขอให้มีการเปิดเส้นทางที่ปลอดภัยสำหรับการขนย้ายอุปกรณ์ทางการแพทย์ เชื้อเพลิง น้ำสะอาด อาหารและความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเข้าไปในเขตกาซา ผ่านจุดผ่านแดนราฟาห์ ด้านที่ติดกับอียิปต์ ซึ่งสิ่งของเหล่านี้ถูกเตรียมไว้แล้วและพร้อมส่งเข้าไปในเขตกาซา

อ่านข่าว : "อิสราเอล" ขีดเส้น 24 ชม.เตือนคนในตอนเหนือกาซา อพยพลงใต้

จุดผ่านแดนราฟาห์ ด้านที่ติดกับอียิปต์

จุดผ่านแดนราฟาห์ ด้านที่ติดกับอียิปต์

จุดผ่านแดนราฟาห์ ด้านที่ติดกับอียิปต์

นานาชาติหาทางอพยพพลเมืองพ้นอิสราเอล

ขณะที่นานาชาติต่างเร่งอพยพพลเมือง โดยพยายามใช้ทุกช่องทางไม่ว่าจะเป็นการอพยพทางอากาศ ทางบก หรือแม้แต่ทางเรือ

กองทัพอากาศเยอรมนี นำเครื่องบินเอ 321 ไปรับพลเมือง 160 คนเดินทางกลับประเทศ พร้อมระบุว่า กองทัพพร้อมรับชาวเยอรมันที่อยู่ในอิสราเอลทั้งหมดกลับประเทศหากว่าจำเป็น ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศแจ้งเตือนพลเมืองว่าไม่ควรเดินทางไปอิสราเอล ดินแดนของปาเลสไตน์และเลบานอน เนื่องจากมีความเสี่ยงที่จะเกิดการโจมตี

ขณะที่สะพานข้ามแดนจากอิสราเอล ไปจอร์แดน มีรถเข้าคิวยาวเหยียด ทั้งรถของสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ รถขององค์การสหประชาชาติ สภากาชาด รวมถึงองค์การพัฒนาเอกชน ที่ต้องการข้ามพรมแดนไปจอร์แดน นอกจากนี้ยังมีรถบรรทุกเชื้อเพลิง ซีเมนต์และข้าวของเครื่องใช้อื่นๆ ด้วย

ด้านชายแดนอียิปต์ฝั่งที่ติดกับเขตกาซา ก็มีขบวนรถบรรทุกเข้าแถวยาวเหยียดเช่นกัน ซึ่งรถบรรทุกมากกว่า 100 คันมาจากองค์กรการกุศลในอียิปต์ ที่นำสิ่งของบรรเทาทุกข์น้ำหนักรวม 1,000 ตัน ซึ่งรวมถึงอาหารและของใช้ที่จำเป็น เตรียมพร้อมที่จะลำเลียงเข้าไปช่วยเหลือชาวปาเลสไตน์ แต่ต้องให้ทางการอิสราเอลอนุญาต

อ่านข่าว : สถานทูตเตือนคนไทยในฝรั่งเศส เฝ้าระวังก่อการร้ายระดับสูงสุด

ส่วนสหรัฐฯ เตรียมอพยพพลเมืองออกจากอิสราเอลตั้งแต่วันที่ 16 ต.ค.นี้เป็นต้นไป โดยเป็นการอพยพทางเรือจากท่าเรือไฮฟาของอิสราเอล ไปที่ไซปรัส ทั้งนี้ไม่มีการระบุจำนวนที่แน่ชัด โดยแจ้งเพียงว่าผู้ที่จะอพยพทางเรือในครั้งนี้คือผู้ที่มีสัญชาติอเมริกันและสมาชิกในครอบครัว ซึ่งมีเอกสารการเดินทาง โดยแต่ละคนสามารถนำกระเป๋าเดินทางติดตัวได้เพียงใบเดียว น้ำหนักไม่เกิน 22.5 กิโลกรัม เมื่อไปถึงไซปรัสแล้วจะมีรถบัสไปส่งที่สนามบินนานาชาติ หรือหากจะพักในไซปรัสจะต้องจัดหาที่พักเอง

ทั้งนี้ ผู้เดินทางจะต้องลงนามในเอกสารรับสภาพหนี้ โดยจะต้องจ่ายเงินค่าเดินทางคืนให้กับรัฐบาลในภายหลัง ส่วนการให้สิทธิในการขึ้นเรือจะให้สิทธิกับผู้ที่มาถึงก่อน เนื่องจากพื้นที่บนเรือมีจำกัด และจะเริ่มเปิดให้ขึ้นเรือเวลา 08.00 น.ตามเวลาท้องถิ่น นอกจากนี้สหรัฐฯ ยังได้เตรียมเครื่องบินเช่าเหมาลำเพื่อรับชาวอเมริกันไปที่ไซปรัสด้วย

สำหรับการอพยพข้ามพรมแดน ส่วนใหญ่จะข้ามไปทางประเทศจอร์แดน เนื่องจากทางตอนเหนือซึ่งเป็นประเทศเลบานอนกำลังมีการสู้รบอย่างดุเดือด ระหว่างกองทัพอิสราเอลกับกลุ่มเฮซบอลลาห์ ส่วนซีเรีย มีสงครามกลางเมืองมานานนับสิบปี จึงไม่ปลอดภัย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

8 วันสงครามอิสราเอล-ฮามาส ยอดตายทะลุ 3,500 คน

เครื่องบิน ทอ. อพยพ 130 คนไทยจากอิสราเอล ถึงไทยแล้ว

หนุนปาเลสไตน์! ทั่วโลกเรียกร้องยุติสงคราม-ประณามอิสราเอล

อิสราเอลโจมตีทางตอนใต้ของเลบานอน นักข่าวรอยเตอร์สเสียชีวิต 1 คน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง