มีคำกล่าวว่า ภาพถ่ายเพียง 1 ภาพ มีความหมายแทนล้านคำพูด และภาพการรับไหว้กลุ่มพี่น้องตระกูลชินวัตร "พิณทองทา แพรทองธาร และพานทองแท้ ชินวัตรและกลุ่มลูกเขยทักษิณ "ของ "ลุงตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์ โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี ในงานแสดงโขนตอนศึกกุมภกรรณทดน้ำ เมื่อวันที่ 3 พ.ย.ที่ผ่านมา
ผศ.วันวิชิต บุญโปร่ง อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ ม.รังสิต วิเคราะห์หลังปรากฏภาพ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกฯ รับไหว้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ขณะชมการแสดงโขน ในรายการ "ประจักษ์ จับประเด็น" ทางไทยพีบีเอส โดยระบุว่า
หากมองตามบริบท คือ ทั้ง 2 ฝ่าย เดินทางไปรับชมการแสดงโขน ซึ่งมีบุคคลในแวดวงสังคม แวดวงการเมือง ผู้นำเหล่าทัพไปร่วมงานมากมาย ดังนั้นโอกาสที่จะพบกันจึงมีความเป็นไปได้สูง และภาพที่เกิดขึ้น คาดว่า น่าจะเป็นการรับไหว้จาก น.ส.แพทองธาร ของ พล.อ.ประยุทธ์
ผศ.วันวิชิต ยังระบุว่า สำหรับผู้ที่เห็นภาพนี้ครั้งแรก คงจะมีความรู้สึกอยู่ภายในใจเป็นหมื่นล้านคำว่าจะอธิบายอย่างไร ตกใจ หรือ การเมืองมันขยับอยู่ในมุมไหน
การเมืองมีมิติในเชิงบวกได้ หรือ อีกมุมเหมือนโรงละครทางการเมืองที่แต่ละฝ่ายที่ต้องมีบทที่จะต้องแสดงกันไป การเมืองไทยมาส่ยุคดิจิทัลฟุตปรินต์ว่า ก่อนการเลือกตั้งและหลังเลือกตั้งภาพออกมาอย่างนี้ได้อย่างไร กองเชียร์ก็คงบอกว่าบ้านเมืองควรไปข้างหน้า
และคนที่ไม่เห็นด้วยก็บอกว่าสังคมรับไม่ได้ หรือ ผู้ที่มีจุดยืนการเมืองที่แข็งกร้าว ก็จะย่อมที่จะรู้สึกผิดหวังกับภาพที่เกิดขึ้น
หากตีความการเปลี่ยนผ่านการส่งมอบอำนาจจากรัฐบาลเก่า ของ รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ มายัง รัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน ต้องยอมรับว่า ค่อนข้างราบรื่น ไม่มีการเช็กบิลย้อนหลังแต่อย่างใด ซึ่งก็ยังมีมรดก ร่องรอย กลิ่นอายของรัฐบาลเดิมคือ อย่างน้อย กระทรวงกลาโหม คนรอบตัวนายสุทิน คลังแสง รมวกลาโหม ก็เคยเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของ พล.อ.ประยุทธ์ ทั้งสิ้น
นอกจากนี้ ในอีกหลายส่วนที่ยังไม่เกษียณราชการก็ยังไม่ถูกถอนรากถอนโคน การปรับย้ายข้าราชการเป็นไปตามวงรอบ ไม่เป็นการสร้างอาณาจักรใหม่ ด้วยการตั้งคนของตนเองมาแทนชุดเก่า ระบบราชการไม่ได้รับการกระทบจากการเปลี่ยนผ่านตรงนี้
การรับไหว้จากผู้ที่อ่อนวัยกว่าเป็นเรื่องปกติ แต่มิติทางการเมืองมันเหมือนกับว่า ทุกอย่างจูนติดกันแล้วโดยเฉพาะ การรับไม้ต่อในการบริหารบ้านเมือง
ผศ.วันวิชิต ยังตอบคำถามว่า จากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จะยังมีบทบาทในทางการเมืองหรือไม่ โดยระบุว่า พล.อ. ประยุทธ์ ยังมีสมัครพรรคพวกในทางการเมือง ยังมีความห่วงใยบ้านเมือง และมีอำนาจตลอด 9 ปี เครือข่ายยังคงเข้มแข็ง แต่เชื่อว่ายังยังอยู่ในฐานะผู้สังเกตการณ์มากกว่าการชี้นำ
เชื่อว่าในทางการเมือง พล.อ.ประยุทธ์ ได้หันหลังแล้ว แต่ในทางความห่วงใย ในฐานะผู้สังเกตการณ์ทางการเมืองยังคงดำรงอยู่
อย่างไรก็ตาม นอกจากการสังเกตการณ์แล้ว บทบาทของ พล.อ.ประยุทธ์ คงจะรักษาภาพของผู้มีบารมีทางการเมือง หลังอยู่ในอำนาจมา 9 ปี โดยเฉพาะ "3 ป." นััน พล.อ.ประยุทธ์ จะมีอำนาจในทางการเมือง ทั้งภาพลักษณ์ และเครือข่ายมากที่สุด
และสปอร์ตไลต์ยังคงฉายมายัง พล.อ.ประยุทธ์ เพียงคนเดียว ว่าจะทำอะไร บุคคลในแวดงวงการเมืองเช่นนายธนกร วังบุญคงชนะ ก็พยายามสร้างพื้นที่ให้ พล.อ.ประยุทธ์ ยังคงอยู่ในการเมือง และไม่ต้องการให้คนที่เห็นต่างไปดิสเครดิต พล.อ.ประยุทธ์ อีก
ผศ.วันวิชิต ยังกล่าวอีกว่า สำหรับความบาดหมางในกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นผู้ทำรัฐประหารรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ซึ่งมีศักดิ์เป็นอาของ น.ส.แพทองธารนั้น จะสามารถลืมหรือก้าวข้ามได้หรือไม่ โดยระบุว่า กล่าวว่า คู่แข่งทางการเมืองของพรรคเพื่อไทย จะไม่ใช่ฝ่ายอนุรักษ์นิยมต่อไป แต่คือ พรรคก้าวไกล
ขณะที่ ฝ่ายอนุรักษ์นิยมก็จำเป็นต้องจับมือกับพรรคเพื่อไทย เพื่อให้งานให้สอดคล้องกัน ซึ่งอาจจะเป็นการประสานประโยชน์ระยะชั่วคราวหรือระยาวต้องดูว่า พรรคก้าวไกลจะเติบโตมาก-น้อยแค่ไหน บรรยากาศแบบนี้จึงไม่จำเป็นต้องหักล้างกัน บรรยากาศแบบนี้บังคับให้โอบกอดดัน หรือ จูบปากกัน
ผศ.วันวิชิต ยังมองอนาคตทางการเมืองว่า ทั้ง 2 ระบอบ คือ "ระบอบทักษิณ" และ "ระบอบประยุทธ์" จะพยายามปรับตัว ปิดจุดอ่อนตัวเองมากขึ้น และเชื่อว่า ตั้งแต่สมัยรัฐบาลทักษิณ มาถึงยุคนี้ ขั้วฝั่งพรรคเพื่อไทยพยายามประนีประนอมมากขึ้นกับฝ่ายอนุรักษ์นิยม โดยเฉพาะกองทัพ ซึ่งรัฐบาลเศรษฐาพยายามมีปฏิสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับผู้นำเหล่าทัพ อบอุ่น ปกป้อง ดังนั้นจึงสอดคล้องประสานกันในการปิดจุดอ่อนและแลกเปลี่ยนจุดแข็งและจำเป็นที่จะต้องเดินหน้าอย่างนี้ไปด้วยกัน
อ่านข่าวอื่น ๆ
โดนแรงบีบหนัก "ปูอัด" ไชยามพวาน ปมคุกคามทางเพศ
นายกฯ เดินหน้าแก้ปัญหาน้ำ รองรับเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก
"นิด้าโพล" 50% หนุนดิจิทัลวอลเล็ต เลิกเกณฑ์คนรวย