จับกระแสการเมือง : 22 พ.ย.2566 พิษปากพาไป "เศรษฐา" จาก "ขี้ข้า" ถึงตั๋วเพื่อไทย

การเมือง
22 พ.ย. 66
17:12
1,216
Logo Thai PBS
จับกระแสการเมือง : 22 พ.ย.2566 พิษปากพาไป "เศรษฐา" จาก "ขี้ข้า" ถึงตั๋วเพื่อไทย
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)

สุภาษิต “ปากพาจน” น่าจะเข้าได้กับกระแสดรามาที่ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง กำลังเผชิญอยู่ในตอนนี้ และไม่ใช่ครั้งแรกที่นายกรัฐมนตรี ต้องออกมาไหว้สวย ตามสูตร และแก้เกี้ยวสยบข่าวอีกครั้ง

เพราะ 3 วันก่อนหน้านี้ นายกรัฐมนตรี ก็ต้องออกมา “ขอโทษ” กับสังคมกับปมหลุดปากคำว่า “ขี้ข้า” พร้อมออกโรงแจงว่าเป็นการให้คำแนะนำกับนักศึกษาไทยในสหรัฐอเมริกา ระหว่างไปประชุมเอเปค เป็นการพูดแบบที่เคยบอกกับลูก ไม่ใช่พูดไม่สุภาพ แต่เป็นคนพูดจาตรงไปตรงมาเท่านั้น

แต่สำหรับรอบนี้ การหลุดปากในประเด็นใหญ่ที่ถูกจับตาจากสังคม และนักการเมืองแถมไปพูดในวงประชุมพรรคเพื่อไทย คงไม่ใช่แค่ขอโทษแล้วจะจบภายใน 2 วัน

เรื่องตำแหน่งผู้กำกับ มั่นใจว่ามีผู้ผิดหวัง มากกว่าสมหวังในห้องนี้ ที่ขอตำแหน่งไป เพราะมันเยอะเหลือเกิน แต่ก็มีไม่น้อยที่ได้สมหวัง

เรียกว่ากระแสโซเชียล ยังระอุข้ามคืนทั้ง #ตั๋วเพื่อไทย # ตั๋วผู้กํากับ #นายกรัฐมนตรี ติดแท็กคำค้นในทวิต X และถูกปลุกกระแสเดือดทั้งจากฟากก้าวไกล ที่ออกมากระตุกปมร้อน การแต่งตั้งโยกย้ายใน “วงการสีกากี” มาหลายรอบ

อ่านข่าว "เศรษฐา" แก้เกี้ยว #ตั๋วเพื่อไทย ยันไร้อำนาจโยกย้าย ตร.

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง

ตั้งแต่สมัย “รัฐบาลลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ทำให้คนในสังคมรู้จักคำว่า “ตั๋วช้าง” หลังรังสิมันต์ โรม สส.ก้าวไกล เคยอภิปรายแบบเผ็ดร้อนกลางสภา เปิดแผลวงการสีกากี เมื่อหลายปีก่อนตอกย้ำเส้นสายในวงการตำรวจ จนถึงขั้นมีข้อเสนอให้ปฎิรูปตำรวจ เพื่อให้การเลื่อนขั้นโยกย้ายโปร่งใส เป็นธรรม 

แต่กรณีของนายเศรษฐา แม้จะรู้ว่าพลาดจนต้องเปิดทำเนียบรัฐบาล มาขอโทษขอโพยตั้งแต่เช้าตรู่ ยืนยันไม่มีอำนาจ  ไม่เคยแทรกแซงก้าวก่ายการแต่งตั้งข้าราชการ หรือข้าราชการตำรวจ เพราะเป็นหน้าที่ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ที่จะพิจารณาตามผลงาน 

ประเด็นนี้เป็นการพูดเรื่องความ ไม่ใช่เรื่องคน ยืนยันมาตลอด ส่วนที่พรรคก้าวไกล ตั้งข้อสังเกตว่าอาจจะผิดกฎหมาย และรัฐธรรมนูญ ไม่เคยไปก้าวก่ายและสั่งการรวมถึงทางสส.ก็ไม่เคยมาขอตำแหน่ง

ดูเหมือนคำชี้แจงของนายกรัฐมนตรี จะไม่ถูกใจบรรดา สส.ก้าวไกลสักเท่าไหร่นัก เริ่มจาก วิโรจน์ ลักขณาอดิศร ทวีต X @wirojlak 

นายกฯ ต้องตอบคำถามสังคมให้ชัดว่า ส.ส. ที่อยู่ในห้องประชุมในวันที่ 21 พ.ย. ที่นายกฯ ระบุว่า มาขอตำแหน่งผู้กำกับใหม่กับนายกฯ นั้น มีใครบ้าง เพราะการกระทำเช่นนี้ เป็นความผิดตาม ม.185 ของรัฐธรรมนูญ ที่ชัดเจนมาก

ส่วนพ่อหนุ่มใบพลู "รังสิมันต์ โรม" ถึงกับทวงถามว่า นายเศรษฐา เคยหาเสียงไว้จะไม่ยอมรับระบบเส้นสายจะแก้ไขปัญหา แต่สุดท้ายวันนี้พูดออกมาได้อย่างหน้าชื่นตาบานว่า มีผู้กำกับบางคนอาจจะผิดหวัง อาจจะไม่สมหวัง บางคนอาจจะสมหวังฟังได้ว่า สส.ฝากมา เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย 3 ฉบับ คือรัฐธรรมนูญมาตรา 185 จริยธรรมนักการเมือง และพ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ

เรื่องนี้ถูกมองว่าเป็นตั๋วเพื่อไทย ส่งสัญญาณถึงการแต่งตั้งข้าราชการในอนาคตต้องมีตั๋วหรือไม่ ทำให้ประเทศไทยยังคงอยู่ในระบบอุปถัมภ์แบบเดิม 
ราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์

ราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์

ราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์

สอดคล้องกับ ราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ย้อนเกล็ดคำพูดเมื่อ8 ก.ย.ที่นายเศรษฐา เคยพูดว่า “เป็นเรื่องน่าเศร้า ยิ่งเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการ จะต้องมีความเป็นธรรม เรื่องการซื้อขายตำแหน่งต้องไม่มี” จากกรณีเหตุสลดเรื่องที่นครปฐมที่มีการยิงนายตำรวจเสียชีวิต

ทั้งนี้พรรคประชาธิปัตย์ ถือเป็นเรื่องสำคัญในทางการเมือง และเชื่อว่าประชาชน จะเข้ามาตรวจสอบเรื่องนี้ พร้อมตบท้ายว่า นายกรัฐมนตรี อาจมีปัญหาในเรื่องการสื่อสาร การสื่อสารเป็นเรื่องที่ดี แต่ต้องเร็วบนพื้นฐานข้อมูลที่ยุติมั่นคงแล้ว

โดยเฉพาะหลักคิดของนายกรัฐมนตรี เป็นผู้นำประเทศไม่ใช่ลูกจ้างครอบครัวใดครอบครัวหนึ่ง ไม่เช่นนั้นความเสียหายจะเกิดขึ้นตามมา

อ่านข่าว เผือกร้อนหล่นใส่ "ปกรณ์ นิลประพันธ์" พิษดิจิทัล 500,000 ล้าน

นับถอยหลังอีกแค่ 1 สัปดาห์ หลังถูกขับออกจากพรรคก้าวไกล วุฒิพงศ์ ทองเหลา หรือสส.แจ้ ปราจีนบุรี ที่ออกมาปูดอีกรอบว่า ถูกกระบวนการ "สกัด" ไม่ให้ตัวเองหาพรรคใหม่ได้ง่าย แม้ว่าจะการพูดคุยกับพรรคการเมือง และมีติดต่อเข้ามามากกว่า 1 พรรค ทั้งที่อยู่ในสภาและไม่ได้อยู่ในสภาฯ

พร้อมตั้งเงื่อนไขว่า อยากให้พรรคการเมืองแสดงเจตจำนงว่า ต้องการเข้าไปทำไม ถ้าแค่ต้องการเพิ่มจำนวน สส. คิดว่าไม่ใช่เหตุผลที่จะเลือกเข้าไปทำงานด้วย อยากให้เขามองที่ความสามารถ รู้ว่าตนเป็นคนอย่างไร ทำงานด้านไหนมาดังนั้นต้องลุ้นว่าภายในปลายสัปดาห์นี้ สส.แจ้จะเดินเข้าพรรคไหน 

ทั้งนายกรัฐมนตรี และสส.แจ้ ต่อไปจากนี้อาจต้องยกสุภาษิตที่ว่า "พูดไปสองไพเบี้ย นิ่งเสียตำลึงทอง" ไม่เช่นนั้นจะกระอักและตกม้าตาย เพราะคำพูดตัวเอง

อ่านข่าว

"โรม" ชี้ "นายก " พูด ปม สส.ขอแต่งตั้ง ผู้กำกับ เข้าข่ายผิดกม. 3 ฉบับ

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง