DSI ค้นห้องเย็น จ.นครปฐม พบโอน 220 ล้านให้ผู้ต้องหาคดีหมูเถื่อน

อาชญากรรม
7 ธ.ค. 66
10:43
2,848
Logo Thai PBS
DSI ค้นห้องเย็น จ.นครปฐม พบโอน 220 ล้านให้ผู้ต้องหาคดีหมูเถื่อน
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
ดีเอสไอค้นห้องเย็น-บ้านพักในพื้นที่นครปฐม หลังพบ 2 ปี เจ้าของบริษัทโอนเงินให้ผู้ต้องหาคดีนำเข้าหมูเถื่อน 220 ล้านบาท โดยไม่พบทำนิติกรรมระหว่างกัน พร้อมประสานปศุสัตว์ตรวจสอบเนื้อหมูแช่แข็ง

วันนี้ (7 ธ.ค.2566) พ.ต.ต.ณฐพล ดิษยธรรม หัวหน้าพนักงานสอบสวนชุดคดีลักลอบนำเข้าหมูเถื่อน กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พร้อมชุดปฏิบัติการพิเศษดีเอสไอ และเจ้าหน้าที่จากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม เข้าตรวจค้นเป้าหมาย 3 จุด ซึ่งเป็นบริษัทห้องเย็น 2 จุด และบ้านพัก 1 จุด ในพื้นที่ ต.ทุ่งน้อย อ.เมืองนครปฐม จ.นครปฐม ซึ่งเป็นบริษัทห้องเย็นที่พบข้อมูลว่าเกี่ยวข้องกับบริษัทนำเข้าหมูเถื่อน สองพ่อลูกย่านดอนเมือง

พ.ต.ต.ณฐพล เปิดเผยว่า ข้อมูลจากการสืบสวนพบว่า เจ้าของของบริษัทห้องเย็นแห่งนี้โอนเงินให้กับ 2 พ่อลูก ที่ตกเป็นผู้ต้องหาในคดีนำเข้าหมูเถื่อน รวม 220 ล้านบาท ในช่วงปี 2565-2566 โดยไม่มีการทำนิติกรรมระหว่างกัน จึงเป็นเหตุให้ทางพนักงานสอบสวนดีเอสไอ ขอหมายจับจากศาลอาญา 3 หมาย และเข้าตรวจค้นในวันนี้

จากการตรวจค้นเป้าหมายแรก เป็นโกดังแช่เย็น พบเนื้อหมูแช่แข็งอยู่ในห้องเย็นของบริษัท เป็นประเภทเนื้อหมูสามชั้นจำนวน 7 ตัน และพบเอกสารบางส่วน, จุดที่ 2 เป็นโกดังแช่เย็น โดยพบเนื้อหมูแช่แข็งจำนวนมาก ขณะนี้อยู่ระหว่างประสานเจ้าหน้าที่กรมปศุสัตว์ประจำจังหวัดเข้าตรวจสอบ

ส่วนจุดที่ 3 เป็นบ้านพักของเจ้าของบริษัทโกดังแช่เย็นทั้ง 2 แห่ง โดยเจ้าหน้าที่มีเป้าหมายเข้าไปตรวจค้นเอกสารที่เกี่ยวข้องกับเส้นทางการเงิน ที่พบว่ามีการโอนเงินให้กับผู้ต้องหาในคดีนำเข้าหมูเถื่อนสองพ่อลูก

ขณะที่ชาวบ้านที่พักอาศัยอยู่ใกล้เคียงโกดังแห่งแรก ให้ข้อมูลว่า ได้รับผลกระทบจากกลิ่นเน่าเหม็นจากกองขยะหน้าโรงงาน และยังมีการปล่อยน้ำเน่าเสียลงลำคลองสาธารณะจนทำให้น้ำเน่าเสีย อีกครั้งตลอดหลายปีที่ผ่านมา คนในบ้านมีอาการป่วยจากโรคผิวหนัง คาดว่ามาจากผลกระทบดังกล่าว

นอกจากนี้ ชาวบ้านใกล้เคียงโรงงานยังได้รับผลกระทบเสียงดังรบกวนจากเครื่องจักร ซึ่งเคยแจ้งองค์การบริหารส่วนตำบลทุ่งน้อยให้เข้ามาตรวจสอบแล้ว พบว่าปัญหาลดลง แต่ก็ยังส่งผลกระทบอยู่

ข่าวที่เกี่ยวข้อง