รายงาน UNODC ชี้ "เมียนมา" ผลิตฝิ่นมากสุดในโลกแซงอัฟกานิสถาน

ต่างประเทศ
13 ธ.ค. 66
07:06
897
Logo Thai PBS
รายงาน UNODC ชี้ "เมียนมา" ผลิตฝิ่นมากสุดในโลกแซงอัฟกานิสถาน
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
รายงานของ UNODC ระบุว่า "เมียนมา" กลายเป็นประเทศผลิตฝิ่นมากที่สุดในโลกแซงหน้าอัฟกานิสถาน โดยมียอดผลผลิตพืชผิดกฎหมายชนิดนี้มากขึ้นกว่าเดิม

เมื่อวันที่ 12 ธ.ค.2566 สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานโดยอ้างรายงานที่จัดทำโดยสำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (UNODC) ว่าด้วยการสำรวจด้านฝิ่นในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประจำปี 2023 (Southeast Asia Opium Survey 2023) ระบุว่า เวลานี้เมียนมากลายเป็นผู้ผลิตฝิ่นอันดับ 1 ของโลกแซงหน้าอัฟกานิสถานแล้ว

ยอดการผลิตฝิ่นของเมียนมาปี 2023 คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 36% เป็น 1,080 ตัน แซงหน้ายอดการผลิตในอัฟกานิสถานที่มีอยู่ประมาณ 330 ตัน หลังจากยอดการปลูกฝิ่นในอัฟกานิสถานลดลงถึง 95% เนื่องจากกลุ่มตอลีบานออกมาตรการปราบปรามยาเสพติดเมื่อปี 2022 ซึ่งฝิ่นเป็นส่วนประกอบหลักในการผลิตยาเสพติดอย่างเฮโรอีน

ในทางกลับกัน การปลูกฝิ่นในเมียนมาเพิ่มสูงขึ้น เพราะเป็นแหล่งรายได้ที่สร้างกำไรท่ามกลางสถานการณ์สงครามกลางเมือง เนื่องจากปัญหาในระบบเศรษฐกิจ ความมั่นคงและการปกครองของรัฐที่สืบเนื่องจากการรัฐประหาร เมื่อเดือน ก.พ.2021 ในพื้นที่ชนบทหันไปปลูกฝิ่นเพื่อเลี้ยงชีพ

(แฟ้มภาพ) เกษตรกรทำงานในทุ่งฝิ่นผิดกฎหมายในเมือง Hopong รัฐฉานของเมียนมา

(แฟ้มภาพ) เกษตรกรทำงานในทุ่งฝิ่นผิดกฎหมายในเมือง Hopong รัฐฉานของเมียนมา

(แฟ้มภาพ) เกษตรกรทำงานในทุ่งฝิ่นผิดกฎหมายในเมือง Hopong รัฐฉานของเมียนมา

พื้นที่ปลูกฝิ่นในเมียนมาเพิ่มขึ้นจากปี 2022 ประมาณ 18% หรือเท่ากับปัจจุบันมีพื้นที่ปลูกฝิ่นกว่า 294,000 ไร่ และราคาฝิ่นที่เกษตรกรขายได้ยังเพิ่มสูงขึ้น 27% เป็นประมาณ 335 ดอลลาร์สหรัฐต่อกิโลกรัม หรือประมาณ 12,000 บาท

แม้ว่าในเมียนมาจะมีการปลูกฝิ่นมาเป็นเวลานาน แต่มีการพัฒนากระบวนการปลูกและให้ผลผลิตมากขึ้นกว่าเดิม โดยอาศัยระบบชลประทานและการใช้ปุ๋ย รวมถึงแปลงปลูกที่มีจำนวนต้นฝิ่นหนาแน่นขึ้นกว่าแต่ก่อน ทำให้ผลผลิตฝิ่นต่อเฮกตาร์ (เท่ากับ 6.25 ไร่) มีมากถึง 22.9 กิโลกรัม ซึ่งเพิ่มขึ้นจากเมื่อ 2 ปีก่อนถึง 65%

เมื่อราคาฝิ่นเพิ่มสูงขึ้น ยิ่งมีคนจำนวนมากที่หันไปให้ความสนใจการปลูกฝิ่น จากปัจจัยประกอบกันทั้งผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 ก่อนหน้านี้ รวมถึงเศรษฐกิจเมียนมาที่ประสบปัญหามาโดยตลอด กลายเป็นสิ่งดึงดูดให้มีการจ้างงานในภาคการผลิตฝิ่น

รายงานของ UNODC ระบุด้วยว่า พื้นที่ปลูกฝิ่นขยายตัวมากที่สุดในรัฐฉานทางตอนเหนือของเมียนมา ตามมาด้วยรัฐชินและกะฉิ่น ซึ่งเป็นพื้นที่ที่กลุ่มติดอาวุธกำลังต่อสู้กับกองทัพเมียนมาและเป็นแหล่งรายได้สำคัญอย่างหนึ่งของกลุ่มติดอาวุธเหล่านี้

อ่านข่าวอื่นๆ

อิสราเอลใช้ "ฟอสฟอรัสขาว" ตามแนวปฏิบัติ กม.ระหว่างประเทศ

อังกฤษพบฟอสซิล "อสูรทะเลยักษ์" 150 ล้านปีแรงกัดเทียบชั้น T-Rex

"ปักกิ่ง" รับหิมะแรกจ่อหนาวติดลบ "เจิ้งโจว" ตกหนัก-เตือนภัยสีแดง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง