สบส.เสนอ"ชลน่าน" เอาผิดรพ.เอกชน ปฏิเสธรักษานทท.ไต้หวัน

สังคม
13 ธ.ค. 66
18:26
361
Logo Thai PBS
สบส.เสนอ"ชลน่าน" เอาผิดรพ.เอกชน ปฏิเสธรักษานทท.ไต้หวัน
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
สบส. สรุปข้อเท็จจริง เสนอรมว.สธ. ปฏิเสธไม่รักษานักท่องเที่ยวใต้หวันพรุ่งนี้ (15 ธ.ค.) จ่อเอาผิดปัดรับผู้ป่วยวิกฤติ -ผิดกม.สถานพยาบาล นัดถกหาข้อสรุปสัปดาห์หน้าอีกรอบ

วันนี้(13 ธ.ค. 2566)นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงกรณีนักท่องเที่ยวชาวไต้หวัน ประสบอุบัติเหตุถูกรถเฉี่ยวชนจนหมดสติ แต่กลับถูกรพ.เอกชนปฏิเสธ ทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตว่า ต้องตรวจสอบสถานพยาบาลแห่งนี้ว่า เหตุใดจึงมีการปฏิเสธผู้ป่วยในภาวะฉุกเฉินและมีการกระทำผิดตามกฎหมายฉบับใดบ้าง ทั้ง พ.ร.บ.การแพทย์ฉุกเฉิน , พ.ร.บ.สถานพยาบาล หรือการประกอบโรคศิลปะหรือวิชาชีพเวชกรรม โดยต้องดูรายละเอียด ขณะนี้เหลือเพียงการตรวจสอบข้อเท็จจริงเท่านั้น ส่วนการให้ความช่วยเหลือญาติของนักท่องเที่ยว ทางสธ.ได้หารือกับรมว.การท่องเที่ยวและกีฬาแล้ว เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของนายกฯ ที่ต้องการให้นักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาประเทศไทยต้องมีหลักประกันด้านสุขภาพ

ด้านนพ.สุระ วิเศษศักดิ์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.)กล่าวว่า ได้ลงพื้นที่สอบปากคำเจ้าหน้าที่ของรพ.เอกชนดังกล่าวรวม 5 ปากแล้ว โดยจะให้ความเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่ายและนำเสนอข้อเท็จจริงทั้งหมดเสนอต่อนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รมว.สธ.วันพรุ่งนี้(14 ธ.ค. 2566) จากการพิจารณาความผิดของรพ.เอกชน มี 2 หน่วยงานรับผิดชอบ คือ สบส. พิจารณาเรื่อง การปฏิเสธคนไข้ในภาวะวิกฤต มีความผิด ตามกฎหมายพระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ.2541 มาตรา 36 ซึ่งกำหนดให้ผู้รับอนุญาตประกอบกิจการ หรือผู้ดำเนินการสถานพยาบาล ผู้รับอนุญาตและผู้ดำเนินการของสถานพยาบาลต้องควบคุมและดูแลให้มีการช่วยเหลือเยียวยาแก่ผู้ป่วย ซึ่งอยู่ในสภาพอันตรายและจำเป็นต้องได้รับการรักษาพยาบาลโดยฉุกเฉิน เพื่อให้ผู้ป่วยพ้นจากอันตรายตามมาตรฐานวิชาชีพและตามประเภทของสถานพยาบาลนั้น ๆ ซึ่งผู้กระทำผิดจะต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งจะมีการประชุมหาข้อสรุปในสัปดาห์หน้า

ส่วนความผิดเรื่องมาตรฐานการช่วยเหลือผู้ป่วยในภาวะวิกฤต ทางสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) จะเป็นผู้พิจารณาโดยเบื้องต้นมีโทษปรับจำนวน 100,000 บาท 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง