นักวิชาการ ไขข้อพิรุธ "ลุงพล" คดี "น้องชมพู่"

สังคม
21 ธ.ค. 66
13:08
9,559
Logo Thai PBS
นักวิชาการ ไขข้อพิรุธ "ลุงพล" คดี "น้องชมพู่"
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
"รศ.พ.ต.ท.กฤษณพงค์ พูตระกูล" ไขข้อพิรุธ "ลุงพล" ถึงพฤติกรรมในหลายประเด็น รวมถึงมูลเหตุจูงใจในการพราก "น้องชมพู่" ไปจากพ่อแม่ พร้อมระบุเส้นผม หนึ่งในหลักฐานสำคัญ นำไปสู่คำพิพากษา

วันนี้ (21 ธ.ค.2566) รศ.พ.ต.ท.กฤษณพงค์ พูตระกูล รองอธิการบดีและประธานกรรมการคณะอาชญาวิทยาฯ ม.รังสิต เปิดเผยถึงกรณี ศาลมุกดาหารมีคำพิพากษาสั่งจำคุก 20 ปี นายไชย์พล วิภา หรือ ลุงพล ใน 2 ข้อหา คือ กระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย จำคุก 10 ปี ฐานพรากเด็กอายุยังไม่เกิน 15 ปีไปเสียจากบิดามารดาโดยปราศจากเหตุอันสมควร จำคุก 10 ปี และยกฟ้อง น.ส.สมพร หรือ ป้าแต๋น หลาบโพธิ์ จำเลยที่ 2

โดยมองว่าคดีนี้มีพยานหลักฐานค่อนข้างจำกัด ไม่ว่าจะพยานบุคคล พยานแวดล้อม เพราะเนื่องจากบ้านน้องชมพู่ไปจุดเกิดเหตุไม่มีกล้องวงจรปิดใดๆ ต้องอาศัยพยานบุคคล พยานแวดล้อมที่เห็นในขณะนั้น ประกอบกับผู้ก่อเหตุมีความใกล้ชิดเป็นเครือญาติ การจะพิสูจน์ถึงสาเหตุ และเจตนา แรงจูงใจต่างๆ ในการก่อเหตุคดีนี้ เป็นเรื่องท้าทายของเจ้าหน้าที่ อย่างไรก็ตามเส้นผมเป็นหนึ่งในหลักฐานสำคัญจนนำไปสู่คำพิพากษาในคดีนี้ สอดรับกับพยานหลักฐานที่ตำรวจมีด้วย

ในการต่อสู้คดีทางทนายจำเลยจะยกประเด็นใดขึ้นมาต่อสู้ เพื่อหักล้างพยานหลักฐานของฝ่ายโจทก์ ซึ่งทางตำรวจ พนักงานอัยการ ก็จะปิดช่องในประเด็นเหล่านี้พอสมควร แต่ต้องขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของศาล

รศ.พ.ต.ท.กฤษณพงค์ ระบุว่า เส้นผมที่พบที่จุดเกิดเหตุมีร่องรอยการถูกตัดโดยของแข็งที่มีคม ซึ่งสอดรับกับเส้นผมที่พบของรถจำเลย ผมที่พบในจำนวน 16 เส้น มี 1 เส้น รอยตัดองศาการตัดเข้ากันได้ ส่วนกรณียังหาวัตถุที่ใช้ในการตัดผมไม่เจอซึ่งเป็นการเห็นพ้องต้องกันแล้วว่าระหว่างสองสถานที่ แต่เส้นผมเข้ากันได้ จึงเป็นจุดที่เชื่อมโยงได้ถึงแม้จะไม่เจอวัตถุที่ใช้ในการตัดก็ตาม

ทั้งนี้การปิดกั้นสถานที่เกิดเหตุมีความสำคัญมาก ในการรวบรวมพยานหลักฐานและร่องรอยต่างๆ ซึ่งถ้าประชาชน หรือผู้ช่วยเหลือเจ้าพนักงานถึงที่เกิดเหตุก่อน หน้าที่หลักคือไม่แตะต้อง และปิดสถานที่ ก่อนแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจมาทำการตรวจสอบ

เนื่องจากคดีนี้มีความแตกต่างจากคดีอื่นๆ ในส่วนที่ผู้พบศพเป็นจำเลย และยังมีประชาชนในพื้นที่ที่ออกกันช่วยตามหา และมีการสัมผัสเนื้อตัวต่างๆ ของผู้เสียชีวิต รวมทั้งยังมีประชาชนในพื้นที่ที่ออกกันช่วยตามหา อาจจะเป็นเหตุให้พยานหลักฐานเลือนลาง จึงจำเป็นต้องอาศัยพยานหลักฐานอื่นๆ เพื่อพิสูจน์ให้ศาลเหตุถึงความเชื่อมโยง ถ้าพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุมีความสมบูรณ์ที่สุด ก็จะทำให้การดำเนินคดีกับผู้ต้องสงสัย หรือผู้กระทำความผิดเป็นไปง่ายขึ้น ในทางกลับวัตถุเจือจางและวัตถุปนเปื้อนโอกาสที่จะนำผู้ต้องหามาลงโทษลดน้อยลง

โจทก์ต้องมีหน้าที่นำสืบให้ศาลเห็นว่าจำเลยมีเจตนาฆ่า มีเจตนาอย่างไร เช่นอาจจะโกรธเคืองกันมาก่อน หรือมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกันมาก่อน แต่ในกรณีนี้มีความแตกต่างตรงที่เป็นเด็ก 3 ขวบ โอกาสที่จะนำสืบให้ศาลเห็นและเชื่อว่ามีเจตนา ส่วนตัวมองว่าค่อนข้างที่จะท้าทายและทำได้ยากประกอบกับพยานหลักฐานที่มีอยู่ก็ค่อนข้างจำกัด ในเมื่อลงโทษในข้อหาเจตนาฆ่าไม่ได้ แต่ลงโทษประมาทให้ถึงแก่ความตายได้แสดงว่าศาลเชื่อว่ามีการพาไปจริง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง : 

ศาลให้ประกัน "ลุงพล" 780,000 บาท-อุทธรณ์ภายใน 30 วัน

หน้าตัดเส้นผม "น้องชมพู่" กุญแจไขคดีฆาตกรรม มัด "ลุงพล"

ปรากฏการณ์ "ลุงพล" จากผู้ต้องหาสู่ "เซเลบโลกออนไลน์"

จัดพิธีบายศรีสู่ขวัญ "ลุงพล-ป้าแต๋น" หลังศาลตัดสินจำคุก 20 ปี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง