เปิดฉายา 11 ตำรวจปี 66 “ต่อ เฟรนลี่-โจ๊ก รอได้”

อาชญากรรม
27 ธ.ค. 66
13:05
5,373
Logo Thai PBS
เปิดฉายา 11 ตำรวจปี 66 “ต่อ เฟรนลี่-โจ๊ก รอได้”
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
เปิดฉายา 11 ตำรวจปี 2566 พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ฉายา "ต่อ เฟรนลี่" พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ฉายา "โจ๊ก รอได้" พล.ต.ต.นพศิลป์ ฉายา "เชอร์ล็อคนพ" พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ฉายา "มือปราบกังฉิน"

วันนี้ (27 ธ.ค.2566) ที่ศูนย์ปฏิบัติการสมาคมผู้สื่อข่าวและช่างภาพอาชญากรรมแห่งประเทศไทย นายไพโรจน์ เทศนิยม นายกสมาคมฯ นายสมชาย จรรยา อุปนายก นายสุรชัย นิโคธานนท์ อุปนายก นายธนากร ริตุ ประชาสัมพันธ์สมาคมฯ พล.ต.ต.ดร.ชยุต มารยาทตร์ ที่ปรึกษาด้านกฎหมายสมาคมฯ และนายกันตเมธส์ จโนภาส ทนายประจำสมาคมฯ พร้อมตัวแทนสื่อมวลชน ร่วมแถลงการณ์ตั้งฉายาตำรวจประจำปี 2566

นายไพโรจน์ กล่าวว่า ผู้สื่อข่าวสายงานด้านอาชญากรรมได้ทำงานใกล้ชิดกับแหล่งข่าวที่เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตลอดปีที่ผ่านมาได้เฝ้าติดตามการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจนำเสนอผลงานสู่สายตาประชาชน เพื่อสะท้อนการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงได้ร่วมกันตั้งฉายาตำรวจประจำปีขึ้น ถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติสืบต่อกันมา ซึ่งเกณฑ์ในการตั้งฉายานั้น มีการประชุมร่วมกันกับตัวแทนสื่อมวลชนจากสังกัดต่าง ๆ เสนอรายชื่อนายตำรวจเข้ามา และคัดเลือกในปีนี้เหลือเพียง 11 นาย ดังนี้

พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล

พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล

พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล

"พล.ต.อ.ต่อศักดิ์" ฉายา "ต่อ เฟรนลี่"

พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. หรือ “บิ๊กต่อ” ที่ผ่านมาสื่อมวลชนสายอาชญากรรม ขนานนามให้ว่าเป็น “มือปราบสายธรรมะ” เนื่องจากเป็นนายตำรวจที่ใช้หลักธรรมในการทำงานและหลักรัฐศาสตร์ เดินสายปฏิบัติธรรมตามสถานที่ต่าง ๆ ในขณะเดียวกันยังเป็นคนเรียบง่ายไม่ถือเนื้อถือตัว บ่อยครั้งจะเห็นภาพของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ร่วมวงกินข้าว กินก๋วยเตี๋ยวกับผู้ใต้บังคับบัญชา เวลาออกเดินสายตรวจเยี่ยมกำลังพลตามโรงพักต่าง ๆ ที่ห่างไกล และยังวางตัวเป็นกันเองกับลูกน้อง เน้นสวัสดิการให้ลูกน้อง เข้าถึงได้ เป็นคนเสมอต้นเสมอปลาย เป็นที่รักของลูกน้องจำนวนมาก จึงเป็นที่มาของฉายาว่า “ต่อเฟรนลี่”

"พล.ต.อ.รอย" ฉายา "สุภาพบุรุษสีกากี"

พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร. ถือเป็นนายตำรวจที่มีผลงานเป็นที่ยอมรับ ด้วยฝีไม้ลายมือในการทำงานและผ่านงานระดับ ตร.ทุกหน้างาน ทั้งงานปราบปราม งานสืบสวน และความมั่นคง เป็นนายร้อยตำรวจรุ่น 40 เกษียณอายุราชการปี 2567 และเป็นรอง ผบ.ตร.อาวุโสอันดับที่ 1 ในการแต่งตั้ง ผบ.ตร.คนที่ 13 และคนที่ 14 ที่ผ่านมา ทำให้มีลุ้นเป็นตัวเต็งนั่งเก้าอี้ ผบ.ตร.ถึง 2 ครั้ง

แต่สุดท้ายก็ต้องผิดหวัง เมื่อไม่ได้รับการเสนอชื่อเป็น ผบ.ตร.ก็ทำงานตามที่ได้รับมอบหมาย ไม่ฟ้องร้อง หรือทวงสิทธิ์แต่อย่างใด และมีกระแสข่าวว่าจะโยก พล.ต.อ.รอย ไปรับตำแหน่งเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เป็นการตอบแทนที่ไม่ได้รับการแต่งตั้งเป็น ผบ.ตร. เพื่อแก้ปัญหาด้านคุณธรรม คืนความเป็นธรรมและเยียวยาความรู้สึกผิดหวังให้ พล.ต.อ.รอย สุดท้ายก็ไม่ได้เป็นไปตามนั้น “บิ๊กรอย” ยังคงปักหลักทำงานในหน้าที่ จึงเป็นที่มาของฉายาว่า “สุภาพบุรุษสีกากี”

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล

"พล.ต.อ.สุรเชษฐ์" ฉายา "โจ๊ก รอได้"

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล หรือ “บิ๊กโจ๊ก” เป็นที่รู้จักด้วยฝีไม้ลายมือการทำงานที่ปรากฏต่อสายตาประชาชน ประกอบกับอายุราชการที่ยังคงเหลืออีกหลายปี ทำให้ถูกจับตาว่ามีสิทธิ์ที่จะขึ้นเป็น ผบ.ตร.และสื่อมวลชนสายตำรวจวิเคราะห์ว่า หากไม่มีอะไรสะดุด ในปี 2567 พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ จะกลายเป็นอาวุโสอันดับ 1 ทันที และอาจจะมีสิทธิ์ได้ใช้นามเรียกขาน “พิทักษ์ 1” แต่ต้องผ่านอีกกี่ขวากหนามบนเส้นทางสู่ ผบ.ตร. อีกทั้งเจ้าตัวก็เคยให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า “ตนเองรอได้ ใครอยากเป็น ผบ.ตร.ก็เป็นไปก่อน” จึงเป็นที่มาของฉายา “โจ๊ก รอได้”

"พล.ต.ท.ภาณุรัตน์" ฉายา "หลวงโดดปราบยา"

พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ จากผู้ช่วย ผบ.ตร. มีชื่อเล่นว่า “หลวง” เป็นนายตำรวจที่เก่งทั้งบู๊และบุ๋น และเป็นหนึ่งเดียวในระดับผู้ช่วย ผบ.ตร.ได้รับความไว้วางใจจาก ผบ.ตร. ดูแลงานครบทุกหน้างานและทุกมิติ ทั้งงานสืบสวน สอบสวน งานป้องกันปราบปราม งานมั่นคงและกิจการพิเศษ อีกทั้งยังได้รับมอบหมายให้ดูแลงานป้องกัน บำบัด ผู้ติดยาเสพติด ที่ผ่านมานำกำลังตำรวจระดมกวาดล้างอาชญากรรมและยาเสพติดจับผู้ต้องหาได้มากกว่า 60,000 คน ขยายผลจนไปถึงผู้ซื้อและตัวแทนจำหน่ายยาเสพติด 209 แห่งทั่วประเทศ ยึดของกลาง ยาเสพติด อาวุธปืนเถื่อน กระสุน และวัตถุระเบิดจำนวนมาก จนได้รับการเสนอชื่อกระโดดข้ามห้วยเป็นข้าราชการพลเรือน เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) จึงเป็นที่มาของฉายา “หลวงโดดปราบยา”

"พล.ต.ท.ธิติ" ฉายา "จ้าว แข็งโป๊ก"

พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. นามเรียกขาน “น.1” ด้วยฝีไม้ลายมือที่เป็นที่ยอมรับให้คุมพื้นที่เมืองหลวงกรุงเทพมหานคร เป็นนายตำรวจที่ได้ชื่อว่ามีความตงฉิน ยอมหักไม่ยอมงอ และไม่ยอมรามือให้กับผู้ใต้บังคับบัญชาที่ออกนอกลู่นอกทาง เน้นย้ำภารกิจสำคัญสูงสุด “ถวายความปลอดภัย” รวมถึงการปฏิบัติตามนโยบายของรัฐบาล กำชับเรื่องปัญหายาเสพติด บ่อนการพนัน สถานบริการ และการแต่งตั้งที่ผ่านมาหลายคนคิดว่า พล.ต.ท.ธิติ ต้องได้ย้าย หรือไม่ก็ขยับขึ้นเป็น ผู้ช่วย ผบ.ตร. เนื่องจากเปลี่ยนรัฐบาลใหม่ แต่ก็ยังรักษาเก้าอี้ “น.1.” ไว้ได้อย่างเหนียวแน่น จึงเป็นที่มาของ ฉายา “จ้าว แข็งโป๊ก”

"พล.ต.ท.ไตรรงค์" ฉายา "บิ๊กอรรถกัดไม่ปล่อย"

พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ มีชื่อเล่นว่า “อรรถ” ที่ผ่านมาเคยเป็นหัวหน้าทีมคดี “ปริญญ์ พานิชภักดิ์” อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่ตกเป็นผู้ต้องหาคดีกระทำอนาจารแก่บุคคลอายุเกินกว่า 15 ปี 2 คดี และคดีข่มขืนกระทำชำเรา 1 คดี ในพื้นที่ สน.ลุมพินี โดยทำคดีอย่างตรงไปตรงมาไม่เลือกปฏิบัติ แม้ผู้ถูกกล่าวหาจะมีตำแหน่งใหญ่ก็ตาม ช่วงในรอบปีที่ผ่านมาก็ฝากผลงานไว้มากมาย จากการที่สวมหมวกเป็นหัวหน้าชุดปฏิบัติการ PCT นำกำลังไล่กวาดล้างจับกุมเครือข่ายพนันออนไลน์ ที่สร้างความเดือดร้อนมอมเมาเยาวชนและพี่น้องประชาชนเป็นจำนวนมาก และเกาะติดไล่ล่าชนิดถอนรากถอนโคน จึงเป็นที่มาของ ฉายา “บิ๊กอรรถกัดไม่ปล่อย”

"พล.ต.ท.วรวัฒน์" ฉายา "เพชฌฆาต โจรไซเบอร์"

พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา เป็นอีกหนึ่งนายตำรวจที่มีผลงานเป็นที่ยอมรับของประชาชน ที่ผานมานำกำลังขุนพลไซเบอร์ออกปราบปรามเหล่าร้าย กวาดล้างภัยออนไลน์กลุ่มคอลเซ็นเตอร์ รวมทั้งเว็บพนันออนไลน์ต่าง ๆ ที่กำลังเป็นปัญหาใหญ่ สร้างความเดือดร้อนให้พี่น้องประชาชน รวมไปถึงการจับกุมแก๊งมิจฉาชีพหลอกนักเรียน ม.6 โอนเงินดาวน์ผ่อนซื้อไอโฟน 13 ทางออนไลน์ เกือบ 20,000 บาท สุดท้ายปิดเฟซบุ๊กหนี นักเรียน ม.6 เครียด ตัดสินใจผูกคอเสียชีวิต และทุกครั้งที่มีการปฏิบัติการ พล.ต.ท.วรวัฒน์ จะลงพื้นที่คุมงานเองเสมอ ขณะเดียวกันยังแจ้งเตือนประชาสัมพันธ์กลโกงของคนร้ายต่าง ๆ ให้รับทราบเปรียบเสมือนการให้วัคซีนทางไซเบอร์กับพี่น้องประชาชนให้รู้เท่าทันมีสติเพื่อไม่ให้ตกเป็นเหยื่อ จึงเป็นที่มาของ ฉายา “เพชฌฆาต โจรไซเบอร์”

"พล.ต.ท.จิรสันต์" ฉายา "ที่สุด ของแจ้"

พล.ต.ท.จิรสันต์ แก้วแสงเอก ผบช.ภ.1 หรือที่สื่อมวลชนเรียกว่าติดปากว่า “บิ๊กจี” แต่น้อยคนจะรู้ว่าชื่อเล่นจริง ๆ ของ พล.ต.ท.จิรสันต์ มีชื่อว่า “แจ้” และด้วยบุคลิกที่เป็นนายตำรวจใฝ่รู้ มาดสุขุม นุ่มลึก มีรอยยิ้มและสมองเป็นอาวุธ บวกกับสไตล์การทำงานคลุกคลีตีฝุ่นเป็นกันเองกับผู้ใต้บังคับบัญชา ยามว่างลงพื้นที่เสริมสร้างสัมพันธ์ระหว่างตำรวจกับประชาชน

พล.ต.ท.จิรสันต์ เป็นรอง ผบช.น.ยาวนานถึง 5 ปี ทุกครั้งที่มีการแต่งตั้งก็คาดหมายว่าจะได้รับการเสนอชื่อเป็นผู้บัญชาการตำรวจ เพราะจะเกษียณอายุราชการในปี 2567 แต่สุดท้ายก็ปรากฏชื่อได้เป็นผู้บัญชาการตำรวจซึ่งถือเป็นปีสุดท้ายก่อนเกษียณ แต่ที่สำคัญไม่นึกไม่ฝันว่าจะได้เป็นผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 หรือที่ใครเรียกว่าผู้บัญชาการตัวเลข จึงเป็นที่มาของฉายา “ที่สุด ของแจ้”

พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์

พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์

พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์

"พล.ต.ต.นพศิลป์" ฉายา "เชอร์ล็อคนพ"

พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. เรียกได้ว่าเป็นนักสืบยุค 5 จี มีผลงานเป็นที่ยอมรับมากมาย ด้วยประสบการณ์ที่สะสมบนเส้นทางนักสืบได้ถ่ายทอดวิชาแก่นักสืบรุ่นหลัง และบ่อยครั้งมักจะถูกดึงตัวมาอยู่ในชุดทีมคลี่คลายคดีสำคัญของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หลายยุคหลายสมัย

ล่าสุดคดีการเสียชีวิตของ “น้องชมพู่” ถือว่าเป็น “ตัวจักร” สำคัญ และเป็นบทพิสูจน์ชุดคลี่คลายคดีหลังศาลชั้นต้นสั่งจำคุกนายไชย์พล วิภา หรือ “ลุงพล” 20 ปี จน ผบ.ตร.ชื่นชมยกเป็นโมเดลให้นักสืบรุ่นใหม่ และด้วยฝีไม้ลายมือเป็นที่ประจักษ์ ทำให้ชื่อของรองนพศิลป์ ติดทำเนียบเป็นนักสืบชั้นครูของวงการตำรวจไทย เทียบคล้ายกับนักสืบดังในภาพยนตร์ “เชอร์ล็อคโฮล์ม” และในอดีตมีนักสืบชั้นครูอย่าง “เชอร์ล็อคนู” พล.ต.ท.มนู หอมหวล จึงเป็นที่มาของ ฉายา “เชอร์ล็อคนพ”

"พล.ต.ต.จรูญเกียรติ" ฉายา "มือปราบกังฉิน"

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. ถือว่าเป็นมือปราบที่ไม่เคยเกรงกลัวอิทธิพลใด ๆ และผ่านคดีดังมากมายที่เกี่ยวข้องกับการจับข้าราชการระดับสูง ที่ทุจริตเรียกรับสินบน ด้วยภาพของการปราบข้าราชการทุจริตคอร์รัปชัน เรียกรับผลประโยชน์โดยมิชอบ ฮั้วประมูลงานต่าง ๆ ตั้งแต่สมัยเข้ามาดำรงตำแหน่งผู้บังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) จนปัจจุบัน ได้รับความไว้วางใจให้ขยับตำแหน่งเป็นรองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง แต่ยังคงรับผิดชอบหน่วยงาน (บก.ปปป.)

ล่าสุดเป็นผู้นำทีมเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าจับกุมนายวีระชาติ รัศมี นายกเทศบาลตำบลตลุกดู่ อ.ทัพทัน จ.อุทัยธานี ลูกเขยของ “ชาดา ไทยเศรษฐ์” รมช.มหาดไทย โดยจับกุมตามหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางที่ จ.167-169/2566 ข้อหาร่วมกันเป็นเจ้าพนักงานเรียกรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดโดยมิชอบ และร่วมกันเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต จึงเป็นที่มาของ ฉายา “มือปราบกังฉิน”

"พล.ต.ต.ธีรเดช" ฉายา "โคนัน นครบาล"

พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนนครบาล หนึ่งในลูกหม้อนครบาล ด้วยฝีมือระดับตำนานนักสืบ ผ่านการฝึกฝนตำราสืบสวนมาอย่างมากมาย มีผลงานโดดเด่นด้านการสืบสวนเทียบชั้นครูตามเช็คบิลปิดคดีสำคัญ ๆ ได้หลายคดี และคดีล่าสุดที่เป็นประเด็นดังมากในบนโลกออนไลน์ คือ คดีผู้ก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิง “ครูเจี๊ยบ-นศ.อุเทนถวาย” ย่านคลองเตย เป็นกลุ่มองค์กรอาชญากรรม ขยายผลจนสามารถออกหมายจับและจับกุมกลุ่มผู้ก่อเหตุได้แล้ว 25 คน ยังอยู่ระหว่างติดตามจับกุมอีก 1 คน นอกจากนี้ในช่วงปีที่ผ่านมาสามารถจับกุมคดีตามหมายจับได้ถึง 1,443 คดี จึงเป็นที่มาของฉายา “โคนัน นครบาล”

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง