"อัจฉริยะ" หอบหลักฐานเครือข่ายยาเสพติดรายใหญ่ ร้อง ป.ป.ส.

อาชญากรรม
9 ม.ค. 67
14:04
1,777
Logo Thai PBS
"อัจฉริยะ" หอบหลักฐานเครือข่ายยาเสพติดรายใหญ่ ร้อง ป.ป.ส.
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
"อัจฉริยะ" หอบหลักฐาน-200 รายชื่อผู้เกี่ยวข้องเครือข่ายยาเสพติดรายใหญ่ ร้อง ป.ป.ส. ตรวจสอบยึดทรัพย์ อ้างครองตลาดส่วนแบ่งร้อยละ 40 ในประเทศ หลังพบตัวการใหญ่ยังลอยนวล

วันนี้ (9 ม.ค.2567) นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม นำหลักฐานเอกสารเป็นมติที่ประชุมของคณะอนุกรรมาธิการการตำรวจ การแก้ไขปัญหายาเสพติดและการฟอกเงิน ในปี 2562 ที่ระบุว่า มีบริษัทที่เกี่ยวข้องกับเครือข่ายยาเสพติด นำเงินไปซื้อน้ำมันจากบริษัทยักษ์ใหญ่ในประเทศ แต่ไม่ได้ซื้อขายกันจริง ก่อนนำมาฟอกเงินในธุรกิจเว็บไซต์พนันออนไลน์ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และร้านอาหาร และนำกลับไปหมุนเวียนในเครือข่ายค้ายาเสพติดอีกทอดหนึ่ง

นายอัจฉริยะ ยังนำรายชื่อของผู้ที่เกี่ยวข้องกว่า 200 คน มอบให้กับนางเมทินี พัฒนภักดี เลขานุการกรม สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) เพื่อให้ พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส.ตรวจสอบยึดทรัพย์สินเครือข่ายที่ยังดำเนินธุรกิจอยู่

สำหรับขบวนการดังกล่าว เป็นขบวนการค้ายาเสพติดรายใหญ่ เชื่อว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับยาเสพติดที่ระบาดอยู่ในประเทศไทยขณะนี้กว่าร้อยละ 40 โดยนำเงินจากการค้ายาเสพติด ไปซื้อขายน้ำมันจากบริษัทในประเทศเพื่อส่งออกไปจำหน่ายที่ประเทศเพื่อนบ้าน แต่ความจริงแล้วจำหน่ายเพียงร้อยละ 10 ส่วนอีกร้อยละ 90 ได้นำกลับเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทย พร้อมด้วยเงินภาษีมูลค่าเพิ่มกว่า 15,000 ล้านบาท จากนั้นยังนำเงินทั้งหมดที่ได้จากการทำธุรกิจในเครือข่ายประมาณ 30,000 ล้านบาท ไปลงทุนในเว็บไซต์พนันออนไลน์

อย่างไรก็ตาม ในคดีนี้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้รับเป็นคดีพิเศษที่ 116/2563 ไปแล้ว ในความผิดตามพระราชบัญญัติศุลกากรฯ และทางกองบัญชาการตำรวจนครบาล ได้ดำเนินการจับกุมเครือข่ายค้ายาเสพติดดังกล่าวและกลุ่มบริษัทขนส่งที่ จ.นนทบุรี และศาลได้มีคำพิพากษาลงโทษประหารชีวิตแล้ว รวมทั้งอัยการสูงสุดก็ได้รับตรวจสอบดำเนินคดีดังกล่าวในฐานะคดีนอกราชอาณาจักรไปแล้ว แต่เนื่องจากตัวการใหญ่ในคดี ที่เป็นนักธุรกิจรายใหญ่ ข้าราชการระดับสูง และเจ้าหน้าที่รัฐที่ผู้ต้องหาได้ซัดทอด และเครือข่ายอีกหลายรายที่ผู้ต้องหาได้ซัดทอดถึงยังไม่ถูกดำเนินคดี และยังคงดำเนินธุรกิจอยู่ โดยนำเงินไปสนับสนุนไปยังธุรกิจต่าง ๆ ทั้งสถานบันเทิง ธุรกิจร้านอาหาร โรงแรม อสังหาริมทรัพย์

ขณะที่ขั้นตอนการยึดทรัพย์ที่เหลือในคดีที่ผ่านมา เรื่องยังคงค้างอยู่ที่ขั้นตอนของคณะอนุกรรมาธิการการตำรวจ การแก้ไขปัญหายาเสพติดและการฟอกเงิน โดยไม่มีการดำเนินการต่อ และมีผู้มาร้องเรียนกับตนเอง จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานมายื่นต่อเลขาธิการคณะกรรมการสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด เพื่อตรวจสอบยึดทรัพย์บุคคลที่เกี่ยวข้องในขบวนการดังกล่าวไม่ต่ำกว่า 200 คนต่อไป เพื่อให้ทรัพย์สินดังกล่าวตกเป็นของรัฐ และตัดวงจรขบวนการเครือข่ายค้ายาเสพติด

ข่าวที่เกี่ยวข้อง