“ลุงป้อม” สิงห์เฒ่าคืนสังเวียน ดับไฟขัดแย้ง “พลังประชารัฐ”

การเมือง
10 ม.ค. 67
14:27
218
Logo Thai PBS
“ลุงป้อม” สิงห์เฒ่าคืนสังเวียน ดับไฟขัดแย้ง “พลังประชารัฐ”
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)

สิงห์เฒ่าคืนถ้ำ “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ปรากฏกายครั้งแรกในรอบต้นปี 2567 เมื่อพรรคพลังประชารัฐจัดกิจกรรมสัญจรครั้งแรกที่ จ.เพชรบูรณ์ เมื่อวันที่ 7 ม.ค.ที่ผ่านมาด้วย ใบหน้ายิ้มแจ้มแจ่มใส กระชับกระเฉง และดูผอมลง เพราะน้ำหนักตัวลดถึง 14 กิโลกรัม

พล.อ.ประวิตร ในวันนี้ แม้บารมีไม่ได้เต็มเปี่ยม ในฐานะอดีตพี่ใหญ่ของ 2 ป. “ลุงป๊อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา และ “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เหมือนเมื่อ 9 ปีที่แล้ว เนื่องจากทั้งสองคน ได้วางมือทางการเมืองไปแล้วโดยปริยาย โดยเฉพาะ “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งได้รับโปรดเกล้าเป็นองคมนตรี

ขณะที่ “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร หลังพ่ายศึกเลือกตั้ง แต่ก็ได้เป็น สส.ปาร์ตี้ลิสต์เพียงหนึ่งเดียวของ พรรคพลังประชารัฐ ความบอบช้ำครั้งนั้นทำให้ประกาศจะลาออกจาก สส.พร้อมๆ กับประกาศปิดบ้านป่ารอยต่อ

ล่วงเลยกระทั่งพรรคพลังประชารัฐเข้าร่วมรัฐบาล ส่ง “บิ๊กป๊อด” พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ น้องชาย ถึงฝั่งรองนายกฯ ควบตำแหน่ง รมว.ทส. และ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า นั่งเก้าอี้ รมว.เกษตรฯ

ทว่า “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร ไม่ได้หนีหายไปไหน ยังคงเป็นหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ไปเซ็นชื่อ แต่ไม่เข้าร่วมประชุมสภา

Come back ดับไฟขัดแย้งพลังประชารัฐ

พรรคพลังประชารัฐยุคปรับลุคใหม่ ภายใต้สโลแกน พลังเพื่อชาติไทย ในหน้า Cover page ที่มีพื้นหลังเขียนข้อความ LOVE ลุงป้อม ดูสดใสมากกว่าเดิม

“มาวันนี้ เพื่อชี้แจงให้ประชาชนรับทราบว่า นโยบายต่างๆ ทั้งเรื่องการจัดการที่ดิน การบริหารจัดการน้ำ การแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ ราคาพืชผลทางการเกษตร การเปลี่ยนที่ดิน ส.ป.ก.เป็นโฉนด การแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ การแก้ไขประมงผิดกฎหมาย เราทำมาแล้ว ในช่วง 7-8 ปีที่แล้ว” พล.อ.ประวิตร แจกแจงผลงานในอดีต

“ไม่ไป เพราะไม่ใช่ หัวหน้าทีมรัฐมนตรีของพรรคฯ ไปถาม พล.อ.พัชรวาท รองนายกฯ และ รมว.ทส.ดู” ลุงป้อม “พล.อ.ประวิตร” ตอบเมื่อถูกถามว่า จะเข้าร่วมงานเลี้ยงที่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย จะเป็นเจ้าภาพจัดเลี้ยงแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่

แต่กระนั้น พล.อ.ประวิตร “ลุงป้อม” บอกว่า ยังมีโครงการกิจกรรมสัญจรจะเดินทางไปอีกหลายจังหวัดที่พรรคพลังประชารัฐมี สส. รวมทั้งจังหวัดที่พรรคไม่มี สส.ซึ่งได้มอบหมายให้คณะกรรมการยุทธศาสตร์ และ สส.ของพรรค ระดมความคิดเห็นในการจัดกิจกรรมของพรรคตลอดปี 2567

“ ต้องการให้ สส.เตรียมความพร้อมสำหรับการจัดกิจกรรมครั้งที่ 2 ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งคาดว่าจะจัดที่จังหวัดหนองคาย เพื่อนำนโยบายไปเผยแพร่ต่อประชาชนในพื้นที่ และรับฟังปัญหา นำมาสะท้อนในพรรค เพื่อวางเป็นนโยบายการขับเคลื่อนช่วยเหลือพี่น้องประชาชนต่อไป” พล.อ.ประวิตร กล่าว

“บ้านป่ารอยต่อ” ยังไม่ปิดประตูรั้วจากเดิมที่หัวกระไดไม่เคยแห้ง ตั้งแต่ปี 2557-2566 มาถึงปัจจุบัน มาถึงจุดที่ค่อนข้างเงียบเหงา แม้ลุงป้อมยังอยู่ แต่คงมีเฉพาะนายทหารทีมงานและคณะกรรมการมูลนิธิบ้านป่ารอยต่อฯ ที่เข้าทำงานและประชุมพบปะเพื่อนพ้องอยู่บ้าง ถึงจะไม่คึกคักเหมือนก่อน แต่ก็ใช่จะไร้ผู้คนไปมาหาสู่เสียทีเดียว

“ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร บอกว่า ไม่ได้คัมแบ็ค ไม่ได้ไปไหนเลย ..ไม่ได้เป็นรัฐมนตรี ไม่ได้เป็นรองนายกฯ ก็เลยไม่ได้ดำเนินการ แต่อยู่เบื้องหลัง ทำงานให้พรรคและก็ยังเป็น สส.บัญชีรายชื่อ ไม่ได้ไปประชุมสภา เพราะเดินไม่สะดวก เจ็บขาเพิ่งหายมาได้ 2 วัน

ว่ากันว่า เหตุผลที่ “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร ต้องอยู่เป็นหลักให้พรรคพลังประชารัฐ คือ “ลุงป๊อด” พล.อ.พัชรวาท น้องชาย ไม่สามารถควบคุมพรรคและ สส.ได้ จากบุคลิกที่นิ่งและไม่ค่อยพูดคุย  

ขณะเดียวกันก็ไม่ต้องการให้พรรคฯ ตกอยู่ภายใต้การกำกับของ ร.อ.ธรรมนัส เพียงผู้เดียว จึงทำให้พี่น้อง 2 ป. “ลุงป้อม-ลุงป๊อด” ต้องหันมาผนึกกำลังร่วมกันสู้ต่อ

ตั้ง “ป้อม” สู้เปิดเวทีกิจกรรมหวนคืนสังเวียน

นอกจากนี้ในทางการเมืองยังมีการประเมินว่า รัฐบาลเพื่อไทย โดยเรือธงของ “เศรษฐา ทวีสิน” อาจเผชิญปัญหาหลายอย่าง โดยเฉพาะ พ.ร.บ.กู้เงิน 5 แสนล้าน โครงการเงินดิจิทัลวอลเล็ต ทำให้ต้องสะดุด และอยู่ได้ไม่ครบเทอม

จึงไม่แปลกหากพรรคพลังประชารัฐจะปักหลักสู้อีกครั้ง และการเปิดเวทีสัญจรจัดกิจกรรมต่างๆ เป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามตั้งแต่ “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร เปิดบ้านป่ารอยต่อ เมื่อช่วงเทศกาลขึ้นปีใหม่ และเริ่มเข้าร่วมประชุมกับพรรคพลังประชารัฐทุกวันอังคารตามปกติ

แม้ “ลุงป้อม” หรือ พล.อ.ประวิตร จะถูกมองว่าอับแสง แต่ต้องไม่ลืมว่า “สิงห์เฒ่า” ก็คือราชาแห่งป่า ไม่มีตำแหน่งทางการเมือง แต่ยังเป็นประธานคณะกรรมการโอลิมปิคฯไปเข้าร่วมประชุมที่บ้านอัมพวันที่ทำการของคณะกรรมการโอลิมปิคฯสัปดาห์ละ 2 วัน

ไม่มีใครรู้ว่าโจทย์ในใจของการ “คัมแบ็ค” ของลุงป้อม พล.อ.ประวิตรในครั้งนี้ ลึกๆ คืออะไร และการพลิกฟื้น “พลังประชารัฐ” ให้กลับมารุ่งเรืองเหมือนในอดีตได้หรือไม่

ท่ามกลางกระแสข่าวว่า หากมีการเลือกตั้งครั้งหน้า ร.อ.ธรรมนัส อาจจะยกลูกทีมคืนกลับรังเก่าพรรคเพื่อไทยหรือไม่ เพราะสัญญาใจ ไม่เคยมีผลทางการเมือง

เปิดตัวตน “ลุงป้อม” สไตล์ พี่ใหญ่ใจดี

หนังสือ “พี่ป้อม พี่ใหญ่ พี่ชายที่แสนดี” ซึ่งจัดทำขึ้นเนื่องในวันคล้ายวันเกิดครบ 76 ปี ของ พล.อ.ประวิตร เมื่อ 3 ปีที่แล้ว มีหลายตอนที่น่าสนใจ ไทยพีบีเอสออนไลน์ ขอหยิบยกบางส่วนมานำเสนอเพื่อให้เห็นตัวตนของหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ

แต่ถ้ามีโอกาสสัมผัสชีวิตส่วนตัวของท่านเมื่ออยู่นอกเวลางาน จะพบว่า พล.อ.ประวิตร เป็นคนอ่อนโยนอารมณ์ดี มีเมตตาใครได้ใกล้ชิดจะรู้สึกสบายใจไม่ว่าจะเป็นญาติสนิทมิตรสหาย ผู้ใหญ่ ผู้น้อยผู้ใต้บังคับบัญชา

และมักจะกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่าท่านเป็นคนที่รักเพื่อนพ้อง ลูกน้อง มีความเป็นผู้นำ เสียสละและเป็นผู้ให้ อีกทั้งเป็นผู้ประสาน สิบทิศที่ทุกองค์การให้การยอมรับ

ในส่วนของไลฟ์สไตล์นั้น หนังสือระบุว่า พล.อ.ประวิตร เป็นคนที่มีวินัยดีมากตื่นแต่เช้าเวลา 04.00 น. วิ่งออกกำลังกายจากนั้นก็จะอาบน้ำแต่งตัวรับประทานอาหารเช้าเวลา 05.45 น. ทุกวันและก็จะเข้าที่ทำงานเพื่อทำงานทันที

แม้ว่า ปัจจุบันขณะดำรงตำแหน่งการเมือง ต้องก็ยังตื่นแต่เช้ามาออกกำลังกายเหมือนเดิม

และอาจเรียกได้ว่าเป็นลุงป้อมสายบุญคนใกล้ชิดเล่าให้ฟังว่า สิ่งที่ต้องปฏิบัติเป็นกิจวัตร คือ การถวายสังฆทานเป็นประจำ และใส่บาตรทุกวัน หรือหากวันใดที่ไม่สามารถทำด้วยตัวเอง ก็จะให้คนในบ้านดำเนินการแทน

และยังเป็นคนที่รักธรรมชาติและศิลปะที่สำคัญ เป็นคนที่สนใจในเรื่องอาหารการกิน ชอบหาอาหารอร่อยๆ ให้เพื่อนๆ น้องๆ ได้รับประทาน

ส่วนวันสบายสบายอยู่บ้าน ก็จะใช้ชีวิตส่วนตัวอยู่ที่บ้านด้วยการแต่งตัวสบายๆ หยอกเล่นกับสุนัขตัวโปรดพันธุ์เชาเชา และด้วยความที่สุนัขพันธุ์เชาเชา มีขนยาวปุกปุย และไม่ถูกโฉลกกับอากาศร้อนในเมืองไทย จึงติดเครื่องปรับอากาศให้ได้อยู่อย่างมีความสุข

นี่คือ บางเศษเสี้ยวตัวตน “สิงห์เฒ่า” ในวัย 79 ปีของ “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร ซึ่งยังไม่วางมือทางการเมือง และอาจกลับมาคืนสู่สังเวียน ทวงคืนความเป็นพี่ใหญ่กลับมาอีกครั้ง ในสนามการเมืองครั้งต่อไป

ข่าวที่เกี่ยวข้อง