กสทช.ประกาศคนมีเบอร์เกิน 6 ซิม ต้องยืนยันตัวตน เริ่ม 16 ม.ค.นี้

เศรษฐกิจ
12 ม.ค. 67
19:26
12,925
Logo Thai PBS
กสทช.ประกาศคนมีเบอร์เกิน 6 ซิม ต้องยืนยันตัวตน เริ่ม 16 ม.ค.นี้
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
กสทช.ออกประกาศ ใครถือครองมากกว่า คนละ 6 ซิม ให้ลงทะเบียนซ้ำที่ค่ายมือถือภายใน 180 วัน มี 101 ขึ้นไป ให้ยืนยันตัวตนภายใน 30 วัน หวังลดปัญหา แก๊งคอลเซนเตอร์ บัญชีม้า มีผล 16 ม.ค.67

วันนี้ (12 ม.ค.2567) ที่สำนักงาน กสทช. มีการประชุม "คณะอนุกรรมการบูรณาการแนวทางการบังคับใช้กฎหมายความผิดทางเทคโนโลยีโทรคมนาคมและความมั่นคงของรัฐ" โดยมี พล.ต.อ.ณัฐธร เพราะสุนทร กรรมการ กสทช. ด้นกฎหมาย เป็นประธาน และมีตัวแทนที่เข้าร่วมประชุม ทั้งจากตัวแทนบริษัท ค่ายมือถือ ตำรวจ ธนาคารแห่งประเทศไทย ตำรวจไซเบอร์ และฝ่ายเกี่ยวข้อง เพื่อกำชับมาตรการที่ จะแก้ปัญหา และป้องกันภัยจาก แก๊งคอลเซนเตอร์ และ การนำซิมโทรศัพท์ไปใช้หลอกลวงประชาชน หรือ ทำผิดกฎหมายจากภัยออนไลน์ในหลายรูปแบบ

อ่านข่าว : "แร้งดำหิมาลัย" กำแพงเพชรได้รหัส KU995 อีก 2-3 เดือนปล่อย

พล.ต.อ.ณัฐธร เพราะสุนทร กสทช.ด้านกฎหมาย และประธานอนุกรรมการ บูรณาการบังคับใช้กฎหมายความผิดทางเทคโนโลยีฯ ระบุว่า มาตรการของ กสทช. กำหนดให้ผู้ถือครองซิมจำนวนมากๆ ตั้งแต่ 6 เลขหมายขึ้นไปมายืนยันตัวตน โดยจะออกประกาศในราชกิจจานุเบกษา 15 ม.ค.2567 และมีผลบังคับใช้ในวันที่ 16 ม.ค.2567 นี้เป็นต้นไป หากผู้ถือครองซิมการ์ดรายใดไม่มายืนยันตัวตนในระยะเวลาที่กำหนด หมายเลขจะถูกระงับการใช้งาน และถูกเพิกถอนการใช้

ซึ่งมาตรการนี้ เพื่อป้องกันมิจฉาชีพนำไปใช้ในการก่ออาชญากรรมออนไลน์ทั้งแก๊งคอลเซนเตอร์, บัญชีม้า และ ภัยจากออนไลน์ทุกรูปแบบที่ต้องผ่านการใช้ซิมโทรศัพท์จำนวนมาก

อ่านข่าว : ประวัติ ความสำคัญ "วันครูแห่งชาติ" 16 มกราคม

พล.ต.อ.ณัฐธร ระบุว่า ซิมการ์ดโทรศัพท์เป็นอุปกรณ์สำคัญที่กลุ่มมิจฉาชีพ โดยเฉพาะแก๊งคอลเซ็นเตอร์ต้องมีและใช้ในการกระทำผิด ไม่ว่าจะเป็นการโทรหาเหยื่อ การส่งข้อความ หรือ sms แนบลิงก์ โอนเงินผ่านอินเทอร์เน็ตแบงกิ้ง ร่วมกับสัญญาณโทรศัพท์และอินเทอร์เน็ต กสทช. ได้ให้ความสำคัญกับปัญหาดังกล่าว มุ่งเน้นจัดระเบียบซิมการ์ด โดยเฉพาะหมายเลขในระบบเติมเงิน ที่ไม่มีการลงทะเบียนผู้ใช้งานจริง หรือลงทะเบียนด้วยข้อมูลที่ไม่ถูกต้องครบถ้วนและเป็นปัจจุบัน
จึงได้ออกประกาศ เรื่อง มาตรการยืนยันตัวตนและข้อมูลเกี่ยวกับการใช้บริการของผู้ใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ โดยมีสาระที่สำคัญ ดังนี้

1.ผู้ที่ถือครองซิมการ์ด ตั้งแต่ 6-100 หมายเลข ให้ยืนยันตัวตนภายใน 180 วัน

2.ผู้ที่ถือครองซิมการ์ด 101 หมายเลข ขึ้นไป ให้ยืนยันตัวตนภายใน 30 วัน
หากไม่มายืนยันตนในกำหนด จะถูกพักใช้ ระงับการโทรออกและการใช้อินเทอร์เน็ต ยกเว้นโทรเบอร์ฉุกเฉิน และมีเวลาอีก 30 วัน หากยังไม่มีการยืนยันตน จะถูกเพิกถอนการใช้เบอร์ของซิมการ์ดที่อยู่ในความครอบครองทั้งหมด

โดยในระยะแรกจะเร่งรัดให้ผู้ถือครองซิมการ์ด จำนวน 101 เลขหมายขึ้นไปเข้ามายืนยันตัวตนก่อน เนื่องจากมีกำหนดระยะเวลาที่สั้นกว่า คาดว่ามาตรการดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบต่อผู้ใช้งานส่วนใหญ่ เนื่องจากผู้ใช้บริการที่อยู่ในข่ายต้องยืนยันตัวตน มีประมาณ 300,000 ราย คิดเป็นร้อยละ 0.5 ของจำนวนผู้ใช้งานทั้งหมดในทุกเครือข่าย

มาตรการดังกล่าว กสทช. ออกมาเพิ่มเติมเพื่อสกัดการทำงานของกลุ่มมิจฉาชีพ จากที่มีอยู่เดิม 7 มาตรการ อาทิ การระงับการโทรเข้าจากต่างประเทศในรูปแบบที่คนร้ายใช้อยู่เป็นประจำหรือไม่ทราบแหล่งที่มา, เพิ่ม Prefix +697 และ +698 หน้าเลขหมายการโทรเข้าจากต่างประเทศผ่าน VOIP และ Roaming ตามลำดับ, การจัดทำบริการ *138 ปฏิเสธการรับสายต่างประเทศ, จัดระบบลงทะเบียนสำหรับผู้ส่งข้อความไปยังผู้รับจำนวนมากๆ (Sender name), จำกัดจำนวนการลงทะเบียนซิมการ์ด และยกเลิกการส่ง SMS แนบลิ้งค์ บางประเภท เป็นต้น

การออกมาตรการดังกล่าว ดำเนินการควบคู่ไปกับการออกกวาดล้างจับกุมสถานีวิทยุคมนาคมเถื่อน และแหล่งจำหน่ายอุปกรณ์วิทยุคมนาคมผิดกฎหมาย รวมทั้งจัดระเบียบเสาสัญญาณตามแนวชายแดนของผู้ประกอบการที่ได้รับอนุญาต

ทั้งนี้ ภายหลังจากที่มาตรการดังกล่าวของ กสทช. มีผลบังคับใช้ จะทำให้กระบวนการสืบสวนขยายผลถึงตัวผู้กระทำความผิดมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพราะเมื่อมีการกำหนดให้ผู้ถือครองซิมจำนวนมากมายืนยันตัวตน

จะทราบตัวผู้ใช้งานที่แท้จริง หากไม่มายืนยันตนในกำหนด ซิมการ์ดนั้นจะถูกระงับการใช้งานและถูกเพิกถอนจากระบบไปในที่สุด เพราะซิมการ์ดเหล่านั้นอาจตกอยู่ในความครอบครองของพวกมิจฉาชีพแล้ว ทำให้จำนวนซิมผีในตลาดมีจำนวนลดลงอย่างมีนัยยะสำคัญ อีกทั้งเมื่อมีคดีเกิดขึ้นเจ้าหน้าที่สามารถขยายผลจากหมายเลขโทรศัพท์ของผู้ลงทะเบียน รวมไปถึงหมายเลขโทรศัพท์ที่ผูกกับบัญชีม้า ไปถึงตัวการใหญ่ได้ต่อไป
พล.ต.อ.ณัฐธรฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า ผู้ประกอบการโทรศัพท์เคลื่อนที่แต่ละค่าย จะเป็นผู้พัฒนารูปแบบและวิธีการลงทะเบียนยืนยันตัวตน เพื่ออำนวยความสะดวกกับลูกค้าของตน และมีหน้าที่ต้องแจ้งเตือนให้ผู้ถือครองซิมการ์ด ที่เข้าข่ายให้มาดำเนินการภายในระยะเวลาที่กำหนด โดยให้กระทบต่อผู้ใช้บริการที่สุจริตน้อยที่สุด

ช่องทางยืนยันตัวตน

ลูกค้า AIS สามารถดำเนินการยืนยันตัวตนได้ภายในเวลาที่กำหนด ผ่านตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ หรือสามารถดำเนินการได้ด้วยตนเองผ่าน 2 ช่องทาง

1. กด*161*2*เลขบัตรประชาชน# โทรออก ฟรี (รอรับ SMS ทำตามขั้นตอน)

2. ผ่านแอป myAIS (สำหรับลูกค้าระบบเติมเงิน)

ส่วนค่าย ทรู คอร์ปอเรชั่น และดีแทค ที่ควบรวมธุรกิจกัน ก็พร้อมรับลงทะเบียนใหม่แล้วเช่นกัน โดยนายจักรกฤษณ์ อุไรรัตน์ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านกิจการองค์กร ระบุว่า ผู้ใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่เครือข่ายทรูมูฟ เอช และดีแทค ทั้งแบบรายเดือนและแบบเติมเงินที่ถือครองซิมการ์ด 6 เลขหมายขึ้นไป ให้ทะยอยยืนยันตัวตนตั้งแต่วันที่ 16 มกราคม 2567 โดยบริษัทฯ จะส่ง SMS แจ้งลูกค้าเจ้าของเลขหมายผู้ถือครองซิมตามที่กำหนด ทยอยดำเนินการลงทะเบียน เพื่อให้ใช้งานซิมได้อย่างต่อเนื่องต่อไป

โดยผู้ที่ถือครองซิมตั้งแต่ 101 เลขหมายขึ้นไป ต้องยืนยันตัวตนภายใน 14 ก.พ.2567

และ ผู้ที่ถือครองซิมตั้งแต่ 6 – 100 เลขหมาย ต้องยืนยันตัวตนภายใน 13 ก.ค.2567

ทั้งนี้ ลูกค้าทรูและดีแทค สามารถยืนยันตัวตนผ่านช่องทางต่างๆ ดังนี้

1. ทรูช็อป หรือ ศูนย์บริการดีแทค ทั่วประเทศ

2. ช่องทางออนไลน์ผ่านเว็ปไซต์ https://www.true.th/re-id/true และ https://www.true.th/re-id/dtac

หรือ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ได้ที่ คอลเซ็นเตอร์ ทรูมูฟ เอช 1242 และ ดีแทค 1678

อ่านข่าว 

หมอล็อต ชี้ "กระทิง" ตกใจกระโจนชนเด็ก 7 ขวบเจ็บ-อาการปลอดภัย

เด็กหญิง 4 ขวบ พลัดตกตึกย่านอ่อนนุชเสียชีวิต

ข่าวที่เกี่ยวข้อง