"เครือข่ายเว็บพนันมินนี่" สงคราม "อัยการ-บิ๊กสีกากี" ยังไม่จบ

อาชญากรรม
20 ก.พ. 67
18:58
1,796
Logo Thai PBS
"เครือข่ายเว็บพนันมินนี่" สงคราม "อัยการ-บิ๊กสีกากี" ยังไม่จบ
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)

วงการสีกากี “เละเป็นโจ๊ก” อีกคำรบหนึ่ง หลังสำนักงานอัยการสูงสุด ทำหนังสือแจ้ง พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร.ขอให้มีมาตรการคุ้มครองความปลอดภัยให้กับนายกุลธนิต มงคลสวัสดิ์ อธิบดีอัยการ สำนักงานการสอบสวนกลาง และนายสุริยน ประภาสะวัต อัยการพิเศษฝ่ายการสอบสวน 1

สองอัยการที่ปรึกษามือทำคดีอาญาที่ 468/2566 หรือคดีเว็บพนันออนไลน์เครือข่ายมินนี่ ของ สน.ทุ่งมหาเมฆ เมื่อวันที่ 19 ก.พ.2567 โดยระบุว่า ถูกคุกคามข่มขู่ สืบเนื่องจากการปฏิบัติหน้าที่ในการให้คำแนะนำปรึกษาในการสืบสวนสอบสวนในคดีดังกล่าว

แม้เมื่อวันที่ 2 ก.พ.2567 อัยการทั้ง 2 คน จะทำหนังสือแจ้งไปยัง พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ หัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีมินนี่แล้วก็ตาม หลังจาก พ.ต.อ.ภาคภูมิ พิสมัย กับพวก 8 คน ผู้ต้องหาในคดีดังกล่าว ทำหนังสือร้องเรียนการปฎิบัติหน้าที่ของอัยการ

โดยแนบเอกสารภาพถ่ายที่ปรากฏภาพของนายกุลธนิต และนายสุริยน ขณะเดินทางไปปฏิบัติหน้าที่ให้คำแนะนำปรึกษาการสืบสวนสอบสวนคดีดังกล่าว โดยภาพดังกล่าวมีลักษณะเป็นการติดตามและแอบถ่าย โดยผู้ถูกถ่ายภาพไม่ยินยอมและไม่รู้ตัว เพื่อการนำไปใช้ประโยชน์ในทางมิชอบ ในเชิงการคุกคามข่มขู่

"คุกคาม" อัยการ ชนวนเหตุร้องดูแลความปลอดภัย

หนังสือระบุว่า เบื้องต้นนายกุลธนิต และนายสุริยน ระบุว่า ได้ตรวจสอบข้อร้องเรียนพบว่า ตามหนังสือร้องเรียนของผู้ต้องหาทั้ง 8 ราย และจากการตรวจสอบของคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน มีหลักฐานเพียงพอเชื่อได้ว่าผู้ที่ติดตามแอบถ่ายดังกล่าว ทั้งหมดยังคงรับราชการตำรวจ และการกระทำของผู้ต้องหาทั้ง 8 ราย มีลักษณะเป็นการข่มขู่ ติดตามชีวิตส่วนตัว และอาจไม่ปลอดภัยต่อตนเองและครอบครัว

ขณะที่สำนักงานอัยการสูงสุดและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ยังไม่สามารถหามาตรการรองรับความปลอดภัยของตนและครอบครัวได้ จึงแจ้งความประสงค์ขอพักการปฏิบัติหน้าที่เป็นที่ปรึกษาคณะพนักงานสอบสวนชั่วคราว จนกว่าทั้ง 2 หน่วยงาน คือ อสส. และ ตร.จะกำหนดมาตรการรักษาความปลอดภัยให้

อัยการสูงสุดแถลงขอให้ ผบ.ตร.คุ้มครองอัยการถูกคุกคาม

อัยการสูงสุดแถลงขอให้ ผบ.ตร.คุ้มครองอัยการถูกคุกคาม

อัยการสูงสุดแถลงขอให้ ผบ.ตร.คุ้มครองอัยการถูกคุกคาม

ว่ากันว่า หลังจากอัยการที่ถูกคุกคาม ได้แจ้งไปแล้ว ทางตำรวจได้ตรวจสอบและพบว่าผู้ที่ทำหน้าที่สะกดรอย และแอบถ่ายอัยการทั้ง 2 คน คือ พ.ต.ท.กวีพัฒน์ ไกรเพิ่ม รอง ผกก.สอบสวน กก.3 บก.ตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 2 ต่อมา พล.ต.ต.จิระวัฒน์ พยุงธรรม รอง ผบช.สอท. รักษาการ ผบช.สอท. มีคำสั่งที่ 34/2567 ลงวันที่ 6 ก.พ.2567 ให้ พ.ต.ท.กวีวัฒน์ ไกรเพิ่ม ไปช่วยราชการศูนย์ปฏิบัติการ บช.สอท.

"ภาคภูมิ" ขอความเป็นธรรม "สู้แบบมือเปล่า" 

ในขณะที่ พ.ต.อ.ภาคภูมิ รองผู้บังคับการ กองบังคับการสืบสวนสอบสวน ตำรวจภูธรภาค 4 อดีตคณะทํางานชุดของ “บิ๊กโจ๊ก” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. มีการเคลื่อนไหว โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กชี้แจงว่า "ขอต่อสู้แบบประชาชนคนหนึ่ง ที่มีสิทธิเรียกร้องขอความเป็นธรรม ไม่ได้ใช้อำนาจหน้าที่ไปคุกคามใคร ข้าราชการไม่มีใครอยากออกจากราชการ 32 ปี ในชีวิตตำรวจวันนี้ขอต่อสู้แบบมือเปล่า เพื่อส่วนรวมและองค์กรตำรวจไม่ต้องได้รับผลกระทบ หนังสือฉบับนี้ได้ยื่นตั้งแต่ 12 ก.พ.2567 ไว้แล้วครับ"

นอกจากนี้ พ.ต.อ.ภาคภูมิ ได้ยื่นหนังสือต่อนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง ในฐานะประธานกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ เพื่อขอความเป็นธรรมและสั่งให้ออกจากราชการ ลงวันที่ 12 ก.พ.2567 ชี้แจงรายละเอียดต่าง ๆ โดยปรากฏหลายข้อความที่เกี่ยวข้องในคดีน่าสนใจ

เช่น...มีการนําเพียงเอกสารข้อความที่ตรวจพบจากบุคคลในกลุ่มการพนันออนไลน์เพียงว่า "ค่าตํารวจ" มากล่าวหาดําเนินคดีกับตน ซึ่งหากกลุ่มผู้กระทําความผิดการพนันออนไลน์มีการจ่ายเงินค่าตํารวจจริงก็ย่อมจะต้องเป็นตํารวจผู้มีอํานาจรับผิดชอบคดีความผิดการพนันออนไลน์ ที่คุ้มครองกลุ่มผู้กระทําความผิดกลุ่มนั้นได้ แต่ตนกับพวกพวกมิได้มีอํานาจหน้าที่รับผิดชอบดําเนินคดีแต่อย่างใด

และเหตุใดกลุ่มของเจ้าพนักงานตํารวจที่ทําการออกหมายจับหมายค้น จึงได้ยื่นคําร้องขอออกหมายจับต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ และศาลอาญา ให้เชื่อว่า บุคคลผู้ถูกขอออกหมายจับมิใช่เจ้าพนักงาน ทั้งที่การขอออกหมายจับเจ้าพนักงาน ซึ่งกล่าวอ้างว่าปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบนั้น ต้องดําเนินการร้องขอออกหมายจับต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางเท่านั้น แต่กลับมีการยื่นคําร้อง โดยปิดบังยศตําแหน่งของผู้ถูกขอหมายจับต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ ให้หลงเชื่อว่า บุคคลผู้ถูกขอออกหมายจับมิใช่เจ้าพนักงาน

หรือมีการกล่าวอ้างถึงบัญชีการเงินของกลุ่มผู้กระทําความผิดดังกล่าว ซึ่งปรากฏว่า มิได้มีการเกี่ยวข้องกับตนอย่างใด แต่กลับอ้างโดยใช้ความนึกคิดส่วนตน และอ้างว่า เป็นการวิเคราะห์ข้อมูลว่า ต้องมีส่วนเกี่ยวข้อง ทั้ง ๆ ที่เรื่องการวิเคราะห์ทางการเงินเป็นเรื่องที่อยู่บนหลักพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ สามารถพิสูจน์ได้โดยง่าย

ปมขัดแย้งภายใน "ขบวนการดิสเครดิต"

ในขณะที่ “บิ๊กโจ๊ก” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาของ พ.ต.อ.ภาคภูมิ และพวกอีก 8 คน ระบุว่า เหตุการณ์ดังกล่าว เป็นการดิสเครดิตให้ได้รับความเสื่อมเสีย มีผู้อยู่เบื้องหลังชี้นำ คล้ายเป็นผู้ประพันธ์บทละคร แม้จะดูงานด้านความมั่นคง แต่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการปราบปรามเว็บพนันโดยตรง ดังนั้นจะได้รับประโยชน์จากกลุ่มผิดกฎหมายได้อย่างไร เพราะไม่มีอำนาจในการเรียกรับเงิน หรือเจรจาต่อรอง เรื่องทั้งหมดเป็นปัญหาความขัดแย้งภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

“ฝากถึงพนักงานสอบสวนที่ทำสำนวน จะต้องปฏิบัติหน้าที่ให้อยู่ภายใต้กฎหมาย ยึดตามพยานหลักฐาน หากทำไปเพราะมีเจตนายัดข้อหา อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายได้ ขณะนี้สำนวนถูกส่งให้อัยการ และส่งให้ ป.ป.ช.พิจารณา"

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ บอกว่า หากอัยการมีคำสั่งเรียกให้ไปสอบสวนในฐานะพยานก็พร้อมเข้าให้ข้อมูล และในวันนี้ (20 ก.พ.) ตำรวจ 1 ใน 8 คนที่ถูกดำเนินคดี จะไปที่ ป.ป.ช.เพื่อดำเนินคดีอาญา มาตรา 157 กับตำรวจยศผู้กำกับการนายหนึ่ง และพร้อมจัดทีมกฎหมายเพื่อต่อสู้คดีให้กับลูกน้อง ส่วนข้อเท็จจริงจะเป็นอย่างไรขึ้นอยู่กับตัวบุคคล

สร้างเส้นเงินใหม่ โยงตำรวจ "เว็บพนันมินนี่"

อย่างไรก็ตาม มีข้อมูลชุดหนึ่งที่ถูกปล่อยออกมา จนทำให้กรมปทุมวันต้องสั่นสะเทือน ในคดีดังกล่าวคือ การตรวจสอบเส้นทางการเงินจากเว็บพนันออนไลน์ ผ่านบัญชีม้าที่ พ.ต.อ.คริษฐ์ ปริยะเกตุ เป็นคนถือ พบว่ามีวงเงินสูงถึง 300 ล้านบาท

ซึ่งขณะนี้ถูกจับข้อหารับเงินเว็บพนันออนไลน์แล้วถึง 2 คดี นอกจากนี้ จากการยึดคอมพิวเตอร์ไปตรวจสอบย้อนหลังตั้งแต่ปี 2564 ยังพบอีกว่า ได้มีการจัดทำบัญชีรายรับรายจ่ายเงินอย่างละเอียด ทั้งการเบิกมาทำคดี ใช้จ่ายเป็นค่ารักษาพยาบาล และอื่น ๆ รวมทั้งถอนเงินสดเพื่อนำไปเข้าบัญชีคนสนิท สร้างเส้นเงินใหม่

สำหรับคดีจับกุมเว็บพนันมินนี่ พบว่ามีความเชื่อมโยงกับตำรวจ 8 นาย และต่อมาได้มีการขยายผลไปยังตำรวจอีก 5 นาย ในจำนวนนี้ มี พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ รวมอยู่ด้วย ขณะนี้ได้ส่งให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาว่าจะสอบสวนเอง หรือส่งกลับมาให้พนักงานสอบสวนชุดตำรวจทำ ซึ่ง ป.ป.ช. รับไปตั้งแต่วันที่ 28 ธ.ค.2566 และปัจจุบันยังไม่มีคำสั่งกลับมา

ล่าสุด พล.ต.ต.ไพโรจน์ กุจิรพันธ์ อดีตผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน ตำรวจภูธรภาค 4 หนึ่งในผู้ถูกกล่าวหาเชื่อมโยงคดีเว็บพนันออนไลน์ของกลุ่มมินนี่ นำหลักฐานให้ ป.ป.ช. ตรวจสอบ พนักงานสอบสวน สืบสวน ที่ทำสำนวน ว่าเข้าข่ายปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือไม่

โดยเฉพาะสำนวน ข้อมูลการแจ้งข้อกล่าวหาของแต่ละบุคคล ซึ่งเป็นเอกสารทางราชการและถูกเผยแพร่ต่อสาธารณะ เป็นเรื่องที่ขัดต่อระเบียบของการเป็นพนักงานสอบสวนหรือไม่ รวมทั้งการพิจาร ณาแจ้งข้อกล่าวหา และการตรวจสอบหาพยานหลักฐาน เข้าข่ายปฏิบัติหน้าที่โดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ในความผิดมาตรา 157 ให้ตรวจสอบทั้งคณะ

สงครามสีกากียังไม่จบ รอนับศพรายต่อไป

วันเดียวกัน พ.ต.อ.อุเทน นุ้ยพิน รองโฆษก ตร. บอกว่า สำหรับมาตรการดูแลความปลอดภัยให้กับอัยการทั้ง 2 คน ผบ.ตร. ได้สั่งการให้กองบัญชาการตำรวจสันติบาลเข้าไปดูแล้ว และให้รายงานผลการดำเนินการทุก 7 วัน

ส่วน พ.ต.ท.คริษฐ์ รอง ผกก.ป.สภ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ ที่ตกเป็นผู้ต้องหาคดีเว็บพนันออนไลน์อีก 1 คดี ที่ สน.เตาปูน ได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงแล้วเช่นกัน โดยมอบหมายให้ พล.ต.อ.ธนา ชูวงษ์ รอง ผบ.ตร. เข้าร่วมประชุมและประสานการปฏิบัติกับพนักงานอัยการด้วยตนเอง เพื่อรับฟังข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการถูกคุมคาม และมาตรการคุ้มครองความปลอดภัยของพนักงานอัยการ

สงครามยังไม่จบ อย่าเพิ่งนับศพตำรวจ เพราะการต่อสู้เรื่องคดีเวปพนันออนไลน์ ระหว่างทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มที่ตกเป็นผู้ต้องหา หรือผู้ดำเนินคดี ล้วนแล้วแต่เป็นอยู่ในสังกัดเดียวกัน คือ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จุดจบจะเป็นอย่างไร คนตอบได้อาจจะไม่ได้มีแค่ “บิ๊กต่อ” พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ หรือ “บิ๊กโจ๊ก” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เท่านั้น ตราบใดที่ยุทธจักรโล่ห์ดาว ยังไม่ถูกแก้ไข

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

ผบ.ตร.สั่งคุ้มครอง "อธิบดีอัยการ" คดีเว็บพนันมินนี่

"ภาคภูมิ" ส่งหนังสือขอนายกฯ สั่ง "ออกราชการ"

"บิ๊กโจ๊ก" ยืนยันไม่เกี่ยวข้องเครือข่ายเว็บพนันมินนี่

อสส.ขอ ตร.คุ้มครอง "อธิบดีอัยการ" ถูกผู้ต้องหาคดีมินนี่คุกคาม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง