พณ.โปรยยาหอมสหรัฐฯ ต่ออายุ GSP ปลดไทยพ้นบัญชี WL

เศรษฐกิจ
13 มี.ค. 67
15:55
119
Logo Thai PBS
พณ.โปรยยาหอมสหรัฐฯ ต่ออายุ GSP ปลดไทยพ้นบัญชี WL
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
“ภูมิธรรม”โปรยยาหอม รมว.พาณิชย์สหรัฐฯ พร้อมเป็นฐานการผลิตอุตสาหกรรมสมัยใหม่ ขอต่ออายุโครงการ GSP ที่หมดไปตั้งแต่ปี 63 และปลดไทยพ้นบัญชี WL ด้านทรัพย์สินทางปัญญา

วันนี้ (13 มี.ค.2567) นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการหารือกับนางจีนา เอ็ม. เรมอนโด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ พร้อมด้วยสภาผู้ส่งออกแห่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ (The President's Export Council : PEC) เพื่อจัดทำข้อเสนอแนะในการส่งเสริมการค้าและโอกาสทางธุรกิจกับประเทศในภูมิภาคต่าง ๆ

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กระทรวงพาณิชย์  หารือกับนางจีนา เอ็ม. เรมอนโด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กระทรวงพาณิชย์ หารือกับนางจีนา เอ็ม. เรมอนโด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กระทรวงพาณิชย์ หารือกับนางจีนา เอ็ม. เรมอนโด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ

รมว. พาณิชย์ กล่าวว่า ไทยและสหรัฐฯ เป็นหุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์ที่สำคัญ และมีความสัมพันธ์อันดีระหว่างกันมาเป็นเวลานานกว่า 190 ปี ไทยพร้อมร่วมมือส่งเสริมความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ การค้า และการลงทุนระหว่างประเทศ

โดยการหารือครั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ได้ เสนอนโยบายด้านเศรษฐกิจการค้าที่สำคัญของไทยแก่สหรัฐฯ ไม่ว่าจะเป็น นโยบาย Soft Power การลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ การสร้างดุลยภาพของผลประโยชน์ให้เกิดขึ้นกับทุกภาคส่วน การกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ ร่วมขับเคลื่อนนโยบาย Digital Wallet และใช้ประโยชน์จาก FTA ที่มีอยู่ของไทย รวมทั้งการมุ่งแก้ไขและปรับปรุงข้อจำกัดทางกฎหมายที่เป็นอุปสรรคทางการค้าเพื่อส่งเสริมขีดความสามารถและโอกาสทางธุรกิจของภาคเอกชน

นอกจากนี้ ไทยพร้อมเป็นพันธมิตรด้านเศรษฐกิจของสหรัฐฯ โดยเฉพาะการเป็นฐานการผลิตในห่วงโซ่อุปทานอุตสาหกรรมสมัยใหม่ของสหรัฐฯ เช่น ดิจิทัล AI อิเล็กทรอนิกส์ เซมิคอนดักเตอร์ รถยนต์ไฟฟ้า พลังงานสะอาด การบิน ยาและเวชภัณฑ์ และสหรัฐฯ ก็พร้อมสนับสนุนภาคเอกชนของสหรัฐฯ ให้เข้ามาลงทุนในไทยเพิ่มขึ้น

ขณะเดียวกัน ไทยได้แสดงความยินดีต่อการเจรจาความตกลง IPEF ซึ่งมีความก้าวหน้าที่ดีในปี 2566 ที่ผ่านมา และพร้อมร่วมมือกับสหรัฐฯ และประเทศหุ้นส่วนในการเจรจาเพื่อหาข้อสรุปความตกลง IPEF ร่วมกันในเสาที่ 1 เรื่องการค้า (Pillar 1 Trade) ซึ่งสหรัฐฯ พร้อมที่จะขับเคลื่อนการดำเนินงานภายใต้ IPEF ที่เป็นเครื่องมือสำคัญในการเชื่อมโยงห่วงโซ่อุปทานกับไทยและประเทศในภูมิภาคต่อไป

นายภูมิธรรม กล่าวอีกว่า ได้ขอให้สหรัฐฯ พิจารณาเร่งรัดการต่ออายุการให้สิทธิ GSP ที่ได้หมดอายุไปเมื่อปลายปี 2563 ให้เสร็จโดยเร็ว เนื่องจากจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ประกอบการของทั้งสองประเทศ และแสดงให้สหรัฐฯ เห็นถึงความมุ่งมั่นของไทยในการพัฒนาระบบทรัพย์สินทางปัญญาในด้านต่าง ๆ รวมถึงการตอบสนองต่อทุกข้อกังวลของผู้มีส่วนได้เสีย เพื่อให้สามารถปรับสถานะของไทยออกจากบัญชีประเทศที่ต้องจับตามอง (Watch List : WL) และจากทุกบัญชีให้ได้ต่อไป

สหรัฐฯ เชื่อมั่นในรัฐบาลไทย การพูดคุย ทำให้เกิดความเข้าใจกัน ซึ่งรัฐมนตรีสหรัฐฯจะมช่วยผลักดันสิ่งที่คุยกันวันนี้ให้เป็นจริง และความร่วมมือในครั้งนี้ถือเป็นโอกาสที่ดีมาก

ทั้งนี้ ปี 2566 สหรัฐฯ เป็นคู่ค้าสำคัญอันดับที่ 2 ของไทย โดยมีมูลค่าการค้ารวม 68,358.31 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยสหรัฐฯ เป็นตลาดส่งออกอันดับ 1 ของไทย มีมูลค่าการส่งออกไปยังสหรัฐฯ 48,864.54 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

โดยสินค้าส่งออกสำคัญ ได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์ยาง เครื่องโทรสาร โทรศัพท์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ อุปกรณ์กึ่งตัวนำ ทรานซิสเตอร์ และไดโอด หม้อแปลงไฟฟ้าและส่วนประกอบ

ขณะที่สหรัฐฯ เป็นแหล่งนำเข้าลำดับ 3 ของไทย มีมูลค่าการนำเข้าจากสหรัฐฯ 19,493.77 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สินค้านำเข้าสำคัญ ได้แก่ น้ำมันดิบ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ เคมีภัณฑ์ แผงวงจรไฟฟ้า เครื่องบิน เครื่องร่อน อุปกรณ์การบินและส่วนประกอบ

อ่านข่าวอื่นๆ:

รัฐหนุนศิลปินลดภาษี "งานศิลปะ-รถโบราณ"

ททท. คาด มหาสงกรานต์ 2567 เงินสะพัด 2.44 หมื่นล้าน

บขส.เปิดจองตั๋วล่วงหน้า เทศกาลสงกรานต์ 2567

ข่าวที่เกี่ยวข้อง