"ภูมิธรรม" เผยปรับลดงบฯปี 67 กว่า 9.2 พันล้าน พิจารณาเร็วกว่าเดิม 2 สัปดาห์

การเมือง
20 มี.ค. 67
11:35
563
Logo Thai PBS
"ภูมิธรรม" เผยปรับลดงบฯปี 67 กว่า 9.2 พันล้าน พิจารณาเร็วกว่าเดิม 2 สัปดาห์
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
"ภูมิธรรม" รายงาน พ.ร.บ.งบประมาณปี 67 วาระ 2 ปรับลดไปกว่า 9,204 ล้านบาท โดยให้ความสำคัญเพื่อสนับสนุนการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ การแก้ไขปัญหาความเป็นอยู่ของประชาชน

วันนี้ (20 มี.ค.2567) ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานในที่ประชุม ซึ่งมีระเบียบวาระพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ 2567 วาระ 2 และ 3

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ ในฐานะประธานคณะกรรมการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2567 กล่าวสรุปสาระสำคัญการพิจารณา พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2567 พร้อมระบุว่า พิจารณาได้รวดเร็วกว่าเดิม 2 สัปดาห์ เพราะตระหนักดีว่าปัญหาของประชาชนไม่อาจรอต่อไปอีกได้จำเป็นต้องได้รับงบประมาณเพื่อทำให้เกิดการแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วนที่สุด

ทั้งนี้ในการประชุมพิจารณางบประมาณ ยึดหลักเป็นองค์คณะหนึ่งเดียวกัน ไม่แบ่งฝั่งเป็นฝ่ายค้านหรือฝ่ายรัฐบาล เพื่อแสวงหาความร่วมมือ ในการพิจารณางบประมาณที่มีประสิทธิภาพถูกต้องรอบคอบ

โดยมีเป้าหมายให้การใช้จ่ายงบประมาณ เกิดประโยชน์แก่ประชาชนสูงสุดและยึดหลักการให้ความเคารพ ในการแสดงความเห็นที่แตกต่างของที่ประชุม ซึ่งร่วมกันพิจารณางบประมาณจากหน่วยรับงบประมาณ 737 หน่วยรับงบประมาณ

เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพความคุ้มค่า ในการใช้จ่ายงบประมาณ ซึ่งให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อนหน่วยรับงบประมาณ ภายใต้หลักธรรมาภิบาล สุจริต โปร่งใส และเป็นธรรมคณะกรรมาธิการวิสามัญได้ปรับลดงบประมาณลงจำนวน 9,204,109,400 บาท

อ่านข่าว : "วันนอร์" เชื่อถกงบฯ วาระ 2-3 ไม่ยืดเยื้อจบ 22 มี.ค.

รายการที่ปรับลดเป้าหมายหรือปรับเปลี่ยนวิธีการดำเนินงานให้เกิดความประหยัด เช่น การฝึกอบรมสัมมนา, การจ้างเหมาบริการ, การจ้างที่ปรึกษา , การจัดการประชาสัมพันธ์, การเดินทางไปราชการต่างประเทศ เป็นต้น

สำหรับการเพิ่มงบประมาณนั้น คณะกรรมการวิสามัญได้พิจารณาเพิ่มงบประมาณให้หน่วยรับงบประมาณ ตามความเหมาะสมและจำเป็น และหน่วยงานของศาล องค์การอิสระตามรัฐธรรมนูญและองค์การอัยการเพื่อให้เพียงพอต่อการปฏิบัติหน้าที่รวมจำนวนทั้งสิ้น 9,204,109,400 บาท ซึ่งเป็นวงเงินตามจำนวนที่ปรับลดงบประมาณได้

ทั้งนี้ คณะกรรมการวิสามัญฯ ให้มีการเปลี่ยนแปลงงบประมาณรายจ่ายประจำปี งบประมาณ พ.ศ.2567 ได้แก่การเปลี่ยนแปลงงบประมาณจากสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข แผนงานบุคลากรภาครัฐรายการบุคลากรภาครัฐ จำนวน 191,196,700 บาท

ไปเป็นงบประมาณรายจ่ายขององค์กรองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพื่อเป็นเงินอุดหนุนสนับสนุนการถ่ายโอนบุคลากรสถานีอนามัยเฉลิมพระเกียรติ 60 พรรษา นวมินทราชินี และโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลได้แก่องค์กรบริหารส่วนจังหวัด 43 แห่ง

ซึ่งเป็นไปตามประกาศคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตาม พ.ร.บ.กำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ.2542

อ่านข่าว : โปรดเกล้าฯ แต่งตั้งนายทหารกลางปี 2567 จำนวน 233 นาย

อย่างไรก็ตาม การพิจารณารายละเอียดทั้งการปรับลดการเพิ่มและเปลี่ยนแปลงงบประมาณดังกล่าว คณะกรรมาธิการวิสามัญได้ให้ความสำคัญเป็นพิเศษกับความพร้อมและศักยภาพของหน่วยงาน ความซ้ำซ้อน เป้าหมายการดำเนินงานผลการดำเนินงานที่ผ่านมา

ภารกิจสำคัญเพื่อสนับสนุนการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ การแก้ไขปัญหาความเป็นอยู่ของประชาชน และประโยชน์ของประชาชนโดยตรง เป็นสำคัญรวมทั้งสนับสนุนให้เศรษฐกิจเติบโต และมีความเข้มแข็งรองรับผลกระทบ ทั้งปัจจัยภายในและภายนอกประเทศ ได้อย่างมีเสถียรภาพ เพื่อให้สามารถดำเนินงานภายในกรอบวงเงินงบประมาณรายจ่ายจำนวน 3,480,000,000,000 ล้านบาท

จากนั้นได้เริ่มอภิปรายวาระ 2 ซึ่งใน ม.2 ที่นายเรืองไกร กิจวัฒนะ หนึ่งในฐานะกรรมาธิการ สงวนคำแปรญัตติไว้ได้อภิปรายว่า งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 นี้มีงบใช้ไปพลางก่อนซึ่งบัญญัติให้ใช้บังคับตั้งแต่ 1 ต.ค.2566 เป็นต้นไป ซึ่งงบประมาณบางอย่างที่ได้เข้าอนุกรรมาธิการได้ใช้ไปพลางก่อนแล้ว ถึงได้มีการตัดงบ

อ่านข่าว : ครม.อนุมัติ 13 โครงการงบ 300 ล้าน - ศึกษาสร้างสนามบินพะเยา 

ดังนั้นจึงขอตัดคำว่า 1 ต.ค.2566 เป็นต้นไป แก้เป็นถัดจากวันประกาศราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป แล้วให้ถือว่ารายจ่ายงบประมาณประจำปี 2567 ที่ใช้ไปพลางก่อน ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 141 ถือเป็นส่วนหนึ่งของพระราชบัญญัตินี้

ขณะที่นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ สส.พรรคเพื่อไทยหนึ่งในฐานะกรรมการ ได้ชี้แจง ยืนยันตามเสียงข้างมากในกรรมการที่จะไม่มีการแก้ไข ดังนั้น ต้องมีการลงมติในมาตรา 2 ซึ่งผลสรุปคือ 342 เสียงเห็นด้วยกับคณะกรรมาธิการเสียงข้างมาก ฉะนั้นมาตรา 2 จึงถือว่าเห็นด้วยกับเสียงข้างมากของกรรมาธิการคือไม่มีการแก้ไขข้อความ

อ่านข่าว : เคาะแล้ว! ศึกซักฟอก ม.152 "รัฐบาลเศรษฐา" 3-4 เม.ย. 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง