ครั้งแรก! NIID ญี่ปุ่นรายงานพบ "ไวรัส SFTS เห็บ" ติดคนสู่คน

อาชญากรรม
22 มี.ค. 67
14:59
3,411
Logo Thai PBS
ครั้งแรก! NIID ญี่ปุ่นรายงานพบ "ไวรัส SFTS เห็บ" ติดคนสู่คน
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
ครั้งแรก! NIID ญี่ปุ่น รายงานพบไวรัส SFTS เห็บ "ติดคนสู่คน" หลังแพทย์วัย 20 ปีรักษาผู้ป่วยวัย 90 ปีที่รักษาตัวนานเกือบ 11 เดือนและเสียชีวิต คาดติดเชื้อช่วงชันสูตรพลิกศพ พบทำเกล็ดเลือดต่ำไข้สูง

วันนี้ 22 มี.ค.2567 สำนักข่าว The Japan time รายงานว่า สถาบันโรคติดเชื้อแห่งชาติของญี่ปุ่น (NIID) ได้ยืนยันกรณีไข้รุนแรงที่แพร่กระจายจากคนสู่คนเป็นครั้งแรก ด้วยโรคภาวะเกล็ดเลือดต่ำ (SFTS) ในญี่ปุ่น เป็นการติดเชื้อไวรัสที่ติดต่อโดยเห็บ จากผู้ป่วยไปยังแพทย์ที่เข้ารับการรักษา

จากข้อมูลของ NIID ระบุว่าแพทย์คนดังกล่าว ซึ่งเป็นชายอายุ 20 ปี กำลังดูแลผู้ป่วยในวัย 90 ปี ซึ่งได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรค SFTS หลังจากเข้ารับการรักษาในห้องฉุกเฉินเมื่อเดือน เม.ย.2566  เนื่องจากสุขภาพย่ำแย่ แพทย์ได้ทำหัตถการหลายอย่างกับผู้ป่วยที่เสียชีวิตในเวลาต่อมา

รวมถึงการถอดสายสวนออกหลังการชันสูตรพลิกศพ ขณะที่แพทย์สวมหน้ากากอนามัยและถุงมือในระหว่างทำหัตถการ มีรายงานว่าเขาไม่สวมแว่นตา ประมาณ 9 วันหลังจากการเสียชีวิตของผู้ป่วย แพทย์เริ่มมีอาการเป็นไข้และปวดศีรษะ และได้รับการวินิจฉัยว่าเป็น SFTS จากการตรวจสุขภาพ

การวิเคราะห์ทางพันธุกรรมของไวรัสทั้งของแพทย์ และของผู้ป่วยเผยให้เห็นลำดับที่เหมือนกัน ซึ่งยืนยันการติดต่อจากคนสู่คน

แม้ว่ากรณีของการแพร่เชื้อ SFTS จากคนสู่คนจะได้รับการบันทึกไว้ก่อนหน้านี้ในประเทศจีน และเกาหลีใต้ แต่นี่ถือเป็นกรณีดังกล่าวครั้งแรกในญี่ปุ่น

เพื่อเป็นการตอบสนอง NIID ได้เตือนบุคลากรทางการแพทย์ถึงความสำคัญของการปฏิบัติตามมาตรการควบคุมการติดเชื้ออย่างละเอียด รวมถึงการใช้อุปกรณ์ป้องกันใบหน้าเพื่อป้องกันเลือดกระเซ็นจากผู้ป่วย

เช็กอาการโรค SFTS จากเห็บ

ข้อมูลจากสมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทย ระบุว่า SFTS เป็นโรคที่เกิดจากการติดเชื้อ severe fever with thrombocytopenia syndrome virus (SFTSV) ซึ่งเป็นเชื้อไวรัสใหม่ชนิด RNA มีเห็บเป็นพาหะนำโรคที่สำคัญ พบได้มาก 3 ประเทศ ได้แก่ จีน เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น อุบัติการณ์การเกิดโรคสูงสุดในประเทศจีน (0.12 – 0.73 ต่อแสนประชากร) รองลงมาคือ เกาหลีใต้ (0.07 ต่อแสนประชากร) และญี่ปุ่น (0.05 ต่อแสนประชากร)  มีอัตราการเสียชีวิต 5.3% ยังไม่มีรายงานโรคนี้ในประเทศไทย

อาการของโรคเกล็ดเลือดต่ำ-ไข้สูง 

เชื้อ SFTSV ติดต่อโดยมีเห็บ (tick) เป็นพาหะนำโรคที่สำคัญ ผู้ป่วยส่วนหนึ่งมีประวัติถูกเห็บกัดก่อนเกิดอาการ และสามารถตรวจพบเชื้อ SFTSV จากเห็บ และจากสัตว์ที่อยู่บริเวณที่อยู่อาศัยของผู้ป่วย เชื้อชนิดนี้มีวงจรการติดต่อแบบ enzootic tick-vertebrate -tick cycle มีการวนเวียนของเชื้อระหว่างเห็บและสัตว์ที่เป็นรังโรค

ชนิดของเห็บที่เป็นพาหะนำโรคที่สำคัญคือ H.longicornis ส่วนสัตว์ที่เป็นรังโรค ได้แก่ แพะ แกะ หมู วัว ควาย สุนัข ไก่ นกบางชนิด หนู และสัตว์ป่าชนิดต่างๆ แต่ยังไม่มีหลักฐานการก่อโรคในสัตว์ การติดต่อจากคนสู่คนยังไม่มีหลักฐานชัดเจน แต่มีการรายงานการเกิดโรคในครอบครัวเดียวกัน และมีประวัติสัมผัสผู้ป่วยก่อนเกิดอาการของโรค

ลักษณะอาการทางคลินิก ระยะไข้ (fever stage) ลักษณะอาการ คือ มีไข้สูง (5-11 วัน) ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย ต่อมน้ำเหลืองโต มีอาการทางระบบทางเดินอาหาร ได้แก่ เบื่ออาหาร คลื่นไส้อาเจียน ถ่ายเหลว ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการจะพบเกล็ดเลือดต่ำ เม็ดเลือดขาวต่ำ และมีระดับไวรัส (viral load) สูง

เนื่องจาก การตรวจหาไวรัส โดยวิธี virus isolation และ reverse transcriptase polymerase chain reaction (RT–PCR) ซึ่งวิธี RT-PCR มีค่าความไว และความจำเพาะสูง การตรวจหาไวรัส ควรตรวจในช่วงที่มีระดับไวรัสสูง (high-titer viremia) คือในวันที่ 1-6 ของโรค

ส่วนการตรวจหาแอนติบอดีชนิด IgM และ IgG โดยวิธี serum neutralization test, indirect immunofluorescence assay และ enzyme-linked immunosorbent assay (ELISA) ซึ่งระดับแอนติบอดี จะเริ่มขึ้นในวันที่ 7 ของโรค โดยที่ IgM จะมีระดับสูงสุดในสัปดาห์ที่ 4 และจะลดลงจนไม่สามารถตรวจพบได้ 1 ปีหลังจากการติดเชื้อ และ IgG จะมีระดับสูงสุดในเดือนที่ 6 และสามารถตรวจพบได้ต่อเนื่องอย่างน้อย 5 ปี

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง