เปิดนาทีทอง “บิ๊กต่าย” ปูพรมแดง นั่งแท่นเบอร์ 1 กรมปทุมวัน

อาชญากรรม
26 มี.ค. 67
11:46
466
Logo Thai PBS
เปิดนาทีทอง “บิ๊กต่าย” ปูพรมแดง นั่งแท่นเบอร์ 1 กรมปทุมวัน
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)

นับเวลาจากนี้อย่างน้อย 2 เดือน ที่ “บิ๊กต่าย” พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ นั่งรักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ นับว่า เป็นนาทีทองของการสร้างผลงาน เรียกศรัทธาคืน ในฐานะผู้นำองค์กรสีกากี ก่อนผงาดขึ้นแท่นเป็น “พิทักษ์ 1” แห่งกรมปทุมวัน

คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 108/2567 ให้พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นผู้รักษาราชการแทนในตำแหน่ง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ โดยให้ผู้รักษาราชการแทนมีหน้าที่และอำนาจเช่นเดียวกับผู้ซึ่งตนแทน ลงวันที่ 20 มีนาคม 2567

“เด็ดขาด”เหมือนล็อกเป้าจับวาง เปิดฟอร์มบริหารงานร้อน

ทันทีที่มีคำสั่งดังกล่าวออกมา เสมือน “บิ๊กต่าย” พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ มีงานใหญ่รอล่วงหน้าอยู่แล้ว จากเหตุ “บ่อนบางใหญ่” ในจ.นนทบุรี  ซึ่งใหญ่สมชื่อขนาดที่ว่า สามารถรองรับนักเล่นได้มากกว่า 300 ชีวิต ถูกบุกตรวจค้นจากนอกหน่วย โดยปฏิบัติการของชุดปฏิบัติการพิเศษ กรมการปกครอง ในขณะที่ตำรวจท้องที่ยืนทำหน้ามึน ไม่รู้เรื่องอีกทั้งยังรายงานเหตุการณ์ล่าช้า

ส่งผลให้ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการแห่งชาติ เปิดเกมแรง ลงนามสั่งย้ายผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนนทบุรี ไปปฏิบัติหน้าที่ ประจำที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พร้อมมอบนโยบาย ส่งถึงตำรวจทั่วประเทศ

บิ๊กต่าย สั่งย้ายผู้การนนทบุรี เซ่นบ่อนบางใหญ่

บิ๊กต่าย สั่งย้ายผู้การนนทบุรี เซ่นบ่อนบางใหญ่

“หากมีการเข้าจับกุมในบ่อนพนันและพบผู้เกี่ยวข้องในการกระทำความผิดมากกว่า 20 คนขึ้นไป ตำรวจในพื้นที่จะต้องรับผิดชอบ ถ้าตั้งแต่ 50 คนขึ้นไป ตำรวจระดับผู้บังคับการจะต้องรับผิดชอบ และถ้ามากกว่า 100 คนขึ้นไป ระดับผู้บัญชาการจะต้องรับผิดชอบ”  คือ คมดาบแรกที่ “บิ๊กต่าย” พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ฟันฉับใส่ผู้ใต้บังคับบัญชา

ตามมาด้วยคมดาบที่สอง ด้วยคำสั่งล่าสุด เด้ง 5 เสือ สภ.หนองโดน จ.สระบุรี จากคดีลักลอบเล่นการพนันเมื่อวันที่ 25 มี.ค.ที่ผ่านมา เมื่อตำรวจกองบังคับการปราบปราม ได้นำกำลังเข้าจับกุมการลักลอบเล่นพนัน บ้านเลขที่ 420 หมู่ 10 ต.บ้านกลับ อ.หนองโดน จ.สระบุรี พื้นที่ สภ.หนองโดน เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งหมด 37 คน เป็นชาย 11 คนและหญิง 26 คน พร้อมของกลาง อุปกรณ์การเล่นการพนันต่างๆ และเงินสด 30,700 บาท

คดีนี้ ทำให้พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ สั่งการให้ตำรวจภูธรภาค 1 ดำเนินการตามขั้นตอน โดยให้มีคำสั่งย้าย พ.ต.อ.-พ.ต.ท. ตั้งแต่ระดับผู้กำกับการ จนถึง รอง ผกก.สภ.หนองโดน รวม 5 นาย มาช่วยราชการที่ ศปก.ภ.1 ซึ่งเชื่อว่าเกิดจากเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมกองปราบปราม ปฏิเสธที่จะให้ตำรวจท้องที่เข้าร่วมจับกุม

โชว์ภาพผู้นำอ่อนโยน เยี่ยม ส.ต.ต.หญิง ป่วยซึมเศร้า

“โรคซึมเศร้า” เป็นเรื่องละเอียดอ่อนและยากต่อการอธิบาย ขยายความ แต่ “บิ๊กต่าย” พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ถือว่า ทำได้ดีมาก ต่อกรณีของ ส.ต.ต.หญิง คนธรส ศักดาโยธิน ผู้ป่วยซึมเศร้า ที่โพสต์เล่าเรื่องราวที่ต้องเผชิญในระหว่างการฝึกอบรมหลักสูตรกองร้อยน้ำหวานพร้อมทิ้งท้ายด้วยคำลา ก่อนที่แม่จะเข้าช่วยเหลือในพ้นจากสถานการณ์นั้นมาได้

พลันที่มีปัญหาดังกล่าวเกิดขึ้น พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ เข้าเยี่ยม ส.ต.ต.คนธรส ที่โรงพยาบาลตำรวจ เมื่อถูกสื่อมวลชนถามว่า ได้พูดคุยสอบถามถึงเนื้อหาที่ผู้ป่วยโพสต์เล่าไปในเฟซบุ๊กหรือไม่

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ เข้าเยี่ยมตำรวจหญิงกองร้อยน้ำหวาน

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ เข้าเยี่ยมตำรวจหญิงกองร้อยน้ำหวาน

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ เข้าเยี่ยมตำรวจหญิงกองร้อยน้ำหวาน "ส.ต.ต.หญิง คนธรส ศักดาโยธิน "ผู้ป่วยซึมเศร้า

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ เกริ่นนำว่า ผมจะไม่ถามอะไรที่ถอยกลับไปเลย มันจะทำให้เขารู้สึกไม่ดี

“ได้คุยกับกับเขาแล้ว ไม่มีรายละเอียดตรงนี้เลย ผมพูดย้ำนะอะไรก็ตามที่ไม่ถูกต้องก็ต้องเกิดการตรวจสอบถูกไหมครับ แต่อะไรก็ตามที่เป็นคำพูดออกจากผู้บังคับบัญชาหรือใครก็ตามแล้วไปทำให้เขารู้สึกถอยกลับไป ทำให้เขารู้สึกว่า เค้าไม่หลุดจากตรงนั้นสักที เราต้องไม่ทำให้เกิดสิ่งเหล่านั้น”

พลิกประวัติ “บิ๊กต่าย”สายบริหารสู่งานป้องกันและปราบปรามฯ

แม้ที่ผ่านมา “บิ๊กต่าย” พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ จะรับผิดชอบงานด้านการบริหาร พัฒนาบุคลากรเป็นส่วนใหญ่ รวมไปถึงการกำหนดกฎระเบียบต่างๆ ร่วมกับคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ ประเด็นใหญ่ปีที่แล้วคือกรณี ร.ต.อ.หญิง นายหนึ่งและตำรวจนายอื่นๆ กับหลักสูตรการฝึกอบรมข้าราชการตำรวจและบุคคลที่บรรจุ หรือโอนมาเป็นข้าราชการตำรวจชั้นสัญญาบัตร หรือ กอส.

โดยตั้งคณะทำงาน เพื่อทบทวน ปรับปรุงและแก้ไข ระเบียบคำสั่ง กฎ ก.ตร. และกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการรับบุคคลเข้ามาเป็นตำรวจสัญญาบัตร การบรรจุ แต่งตั้ง ครองยศ ไปจนถึงหลักสูตรการอบรมบุคคลภายใน (ข้าราชการตำรวจชั้นประทวน) ให้เป็นข้าราชการตำรวจชั้นสัญญาบัตร (กอน.) และหลักสูตรอื่นๆ

กระทั่งขึ้นดำรงตำแหน่ง รอง ผบ.ตร. ได้รับมอบหมายให้รับผิดชอบงานป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม ควบหัวหน้าศูนย์ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน และศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ด้วย

หากในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา ก็ผลักดันงานปราบปรามขบวนการค้ายาเสพติดอย่างเต็มที่ โดยร่วมงานแถลงข่าว ผลการกวาดล้างในหลายพื้นที่ ทั้งนครบาลและภูธร เพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้ผู้ใต้บังคับบัญชา

อายุราชการยาว 2 ปี มีจังหวะได้ลุ้นเบอร์ 1 กรมปทุมวัน

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ จบ นรต.รุ่นที่ 41 เป็นชาวราชบุรี เกิด 8 ธ.ค.2508 ปัจจุบันอายุ 59 ปี ซึ่งจะครบวาระเกษียณอายุราชการ ในปี 2569 ในสถานการณ์แบบนี้ อาจจะได้ครองตำแหน่งยาวไปจนถึง ขึ้นเป็น ผบ.ตร. คนที่ 15 ก็ได้

ด้วยเหตุจนถึงนาทีนี้ยังไม่มีอะไรการันตีได้ว่า พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิลมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่ถูกย้ายไปช่วยราชการสำนักนายกรัฐมนตรี จะได้กลับมานั่งในตำแหน่งเดิม ก่อนเกษียณอายุราชการในเดือน ก.ย.2567

ขณะที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่เป็น 1 ในตัวเต็ง ก็ตกอยู่ในสถานการณ์หน้าสิ่ว หน้าขวาน แบบที่ยากจะหลีกเลี่ยงได้ เพราะถูกกล่าวหาในคดีอาญาที่เป็นความผิดอันเกี่ยวข้องกับเครือข่ายเว็บพนันออนไลน์หลายคดี ทั้งที่อยู่ในมือ ป.ป.ช. และ ตำรวจนครบาล แม้คดีจะอยู่ในขั้นตอนการกล่าวหา แต่ก็เสียคะแนนอยู่ดี

จังหวะเวลานี้จึงเสมือนฟ้าเปิดและเป็นช่วง นาทีทองของ “บิ๊กต่าย” ที่จะทำงานเก็บแต้มจากนายกรัฐมนตรีได้อย่างเต็มที่

เพราะตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ 2565 มาตรา 78 กำหนดให้การคัดเลือกแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ ในตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้นายกรัฐมนตรีคัดเลือกรายชื่อข้าราชการ ตำรวจผู้มียศ พลตำรวจเอก ซึ่งดำรงตำแหน่ง จเรตำรวจแห่งชาติ หรือ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ โดยคำนึงถึงอาวุโสและความรู้ ความสามารถประกอบกัน โดยเฉพาะประสบการณ์ในงานสืบสวนสอบสวนหรืองานป้องกันปราบปราม เสนอต่อ ก.ตร. เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ


โดยผู้มีสิทธิ์เข้าชิง ผบ.ตร.คนที่ 15 ณ เวลานี้ (26 มี.ค.67)

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. อาวุโสอันดับ 1 เกษียณฯ ปี พ.ศ.2574
พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. รรท.ผบ.ตร. เกษียณฯ ปี พ.ศ.2567
พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง จเรตำรวจแห่งชาติ เกษียณฯ ปี พ.ศ.2568
พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. เกษียณฯ ปี พ.ศ.2569

เปิดกฎก.ตร.การแต่งตั้งข้าราชการฯ พ.ศ.2567 ระบบคุณธรรมนำทาง

ย่อหน้าแรกของ กฎ ก.ตร.ว่าด้วยการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจพ.ศ. 2567 บัญญัติไว้ว่า

เพื่อรักษาความเที่ยงธรรมในการแต่งตั้งและโยกย้ายข้าราชการตำรวจให้เป็นไปตามระบบคุณธรรม การคัดเลือกหรือแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ ต้องพิจารณาจากอาวุโสและความรู้ความสามารถประกอบกัน เพื่อให้ข้าราชการตำรวจสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างเที่ยงธรรม มีประสิทธิภาพ ไม่ตกอยู่ใต้อาณัติของบุคคลใดและภาคภูมิใจ ในการปฎิบัติหน้าที่ของตน

กฎ ก.ตร. ว่าด้วยการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ พ.ศ.2567 คณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ ก.ตร. มีมติเห็นชอบไปตั้งแต่ วันที่ 29 ม.ค. โดยนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ลงนามไปแล้วเรียบร้อย และคาดว่า อาจจะมีการประกาศในราชกิจจานุเบกษา ช่วงต้นเดือนเม.ย.นี้ และจะมีผลบังคับใช้หลังพ้น 180 วัน นับจากวันประกาศฯ

หมายความว่า จะส่งผลให้การแต่งตั้ง ผบ.ตร. คนที่ 15 จะล่าช้ากว่าทุกปี โดยอาจจะเกิดขึ้นในช่วงเดือน พ.ย.

แต่ไม่ว่า จะล่าช้าอย่างไรก็ตาม ก็หนีกฏเกณฑ์ธรรมชาติไม่พ้น เมื่อคนเก่าจากไป และคนใหม่ก็ต้องเข้ามาแทนที่ ตามครรลอง

รายงานพิเศษ : กิตติพร บุญอุ้ม ผู้สื่อข่าวอาชญากรรม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง