ใกล้เป็นจริง "กาสิโนเสรี" ไม่มีแม้มือสักข้าง สส.โหวตค้าน

การเมือง
30 มี.ค. 67
19:48
1,614
Logo Thai PBS
ใกล้เป็นจริง "กาสิโนเสรี" ไม่มีแม้มือสักข้าง สส.โหวตค้าน
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
ใกล้เป็นจริงมากขึ้นทุกที "บ่อนกาสิโนเสรี" ในประเทศไทย หลังจากมีความพยายามผลักดันของฝ่ายการเมืองและนักธุรกิจตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา

เมื่อการประชุมสภาฯ เมื่อวันที่ 28 มี.ค.2567 มีมติเห็นชอบ รายงานศึกษาผลกระทบการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร เพื่อแก้ปัญหาการพนันผิดกฎหมาย และเพื่อประโยชน์ด้านเศรษฐกิจของประเทศ หรือเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ 253 ต่อ 0 งดออกเสียง 2 ไม่ลงคะแนน 2 เสียง พร้อมให้ส่งต่อคณะรัฐมนตรี พร้อมข้อสังเกตของสภาฯ เพื่อผลักดันให้เกิดขึ้นต่อไป

แต่มติที่ออกมา พรรคก้าวไกล แม้จะมี สส.เข้าร่วมประชุมเป็นจำนวนมาก แต่ในช่วงนับองค์ประชุมแบบขานชื่อ กลับไม่ขานชื่อ เพื่อแสดงตนเป็นองค์ประชุมแม้แต่คนเดียว

หลังจากอภิปรายเห็นด้วยกับการนำรายได้เข้าประเทศช่วยเหลือประชาชน แต่แสดงความกังวลว่า รายงานยังไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ และเสนอแนะควรมีการศึกษาเพิ่มเติม รวมทั้งความเพียงพอของเงินกองทุน ในการใช้บำบัดผู้ติดพนัน และผลกระทบระยะยาว รวมทั้งยังไม่ได้ศึกษาจำนวนนักบำบัดที่เหมาะสม

ถือได้ว่ามาไกลที่สุด สำหรับเรื่อง "บ่อนกาสิโนเสรีไ ที่เป็นส่วนหนึ่งในเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ถึงขั้นคาดการณ์อนาคตข้างหน้าได้ว่า น่าจะเกิดขึ้นได้จริง

หลังจากก่อนหน้านี้ ข้อเสนอในหลายรัฐบาล ยังไม่เกิดผลเป็นรูปธรรม เนื่องจากเหตุผลสำคัญ คือการเป็นเมืองพุทธ การส่งเสริมการเล่นพนันซึ่งเป็นอบายมุข จึงเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม

ครั้งที่ใกล้เคียงความจริงมาก ๆ เกิดขึ้นในสมัยรัฐบาล นายทักษิณ ชินวัตร ที่เคยเสนอแนวคิดนี้สู่สาธารณะเมื่อปี 2548 และแต่งตั้งนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายกฎหมาย เป็นประธานศึกษาเรื่องการตั้งกาสิโนในประเทศไทย แต่ยังไม่ทันลงมือดำเนินการใด ๆ ก็เจอกับการชุมนุมขับไล่ของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และจบลงด้วยการถูกรัฐประหารในปี 2549

ต่อมาในสมัยรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา คราวนี้ไปได้ไกลกว่าปี 2548 เมื่อถึงขั้นตั้งกรรมาธิการวิสามัญศึกษาการตั้งเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ของสภาผู้แทนราษฎร เมื่อปลายปี 2564

โดยที่ประชุมทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน จับมือร่วมแรงผนึกกำลังจนมีมติในที่ประชุม 310 ต่อ 9 ให้ตั้ง กมธ.วิสามัญพิจารณาศึกษาการเปิดสถานบันเทิงแบบครบวงจร ดังกล่าว เพื่อหาแหล่งรายได้ใหม่จากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเข้าประเทศ

โดยอ้างผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด 19 ที่ส่งผลต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ ขาดรายได้จากทั้งการท่องเที่ยวและการส่งออก

กรรมาธิการมีมากถึง 60 คน จากสัดส่วน ครม.15 คน และจากพรรคการเมืองต่าง ๆ 45 คน ใช้เวลาแปรญัตติ 90 วัน

โดยมี สส.คนดังเข้าร่วมอย่างคับคั่ง อาทิ นายชัชวาลล์ คงอุดม หรือ "ชัช เตาปูน" หัวหน้าพรรคพลังท้องถิ่นไท นายไผ่ ลิกค์ สส.กำแพงเพชร พรรคพลังประชารัฐ นายชาดา ไทยเศรษฐ์ สส.อุทัยธานี พรรคภูมิใจไทย

การศึกษาเป็นไปอย่างต่อเนื่อง อ้างถึงมีนักธุรกิจชาวไทยและต่างชาติ ที่มีประสบการณ์พร้อมลงทุนทำสถานบันเทิงครบวงจร รวมทั้งโรงแรม ศูนย์การค้า แหล่งบันเทิง ร้านอาหาร ไม่ใช่เฉพาะเพียงกาสิโนถูกกกฎหมายเท่านั้น

โดยเน้นสร้างรายได้ จากนักท่องเที่ยวต่างชาติเป็นหลัก กระทั่งใกล้ได้ข้อสรุปที่ครบถ้วนแล้ว รวมทั้งกฎเกณฑ์เพื่อสกัดคนไทยเข้าไปเล่นพนัน ตามข้อห่วงใยที่ถูกอ้างถึงว่าเป็นการมอมเมาส่งเสริมเล่นการพนัน

ไม่ว่าจะเป็นข้อกำหนดให้ต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 21 ปี มีเงินฝากในบัญชีธนาคารเกินกว่า 500,000 บาท มีรายได้ต่อเดือนเกินกว่า 50,000 บาท และต้องเล่นได้ครั้งละไม่เกินร้อยละ 5

แต่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ อยู่ใกล้ครบวาระและยุบสภาเสียก่อน ทำให้ยังขับเคลื่อนไม่ได้สำเร็จ เรื่องผลักดันศึกษาเอ็นเตอร์เมนต์คอมเพล็กซ์ จึงถูกส่งต่อให้สภาฯ ชุดใหม่

ผลการศึกษาล่าสุดในรายงาน อ้างถึงรายได้ต่อปีเข้าประเทศ จะมีมากถึง 4 ล้านล้านบาท มากกว่าประเทศสิงคโปร์ที่มีสัดส่วนจีดีพีจากกาสิโนเสรีที่ร้อยละ 4 สร้างรายได้ และสร้างอาชีพให้คนในประเทศมากกว่า 20,000 คน คิดเป็นเงินประมาณ 440,000 ล้านบาท

ทั้งยังระบุผลดีจากโครงการนี้ จะสามารถนำเงินรายได้ดังกล่าวไปใช้ประโยชน์ให้กับประเทศได้อีกมาก อาทิ ใช้หนี้สาธารณะของประเทศ ใช้ลดภาษีน้ำมัน ดูแลส่งเสริมการศึกษาและเยาวชน แก้ปัญหาหนี้สินของประชาชน และแก้ปัญหาราคาพืชผลการเกษตรตกต่ำ

นำไปสู่มติที่ท่วมท้นของสภาฯ ดังกล่าว แม้ในมิติการป้องปรามปัญหาต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นตามมา ทั้งเรื่องธุรกิจผิดกฎหมาย การแพร่ระบาดยาเสพติด การค้าประเวณี มาเฟีย การแสวงหาผลประโยชน์อื่นใด ปัญหาอาชญากรรม ตลอดจนเรื่องขัดแย้งต่อวัฒนธรรมอันดีงาม กลับมีรายละเอียดและความชัดเจนในทางปฏิบัติน้อยมาก

ยังไม่นับความห่วงใยของฝ่ายที่ต่อต้านคัดค้าน รวมทั้งภาคประชาสังคม ที่ออกมาเคลื่อนไหว และสะท้อนตัวอย่างข้อเท็จจริงที่กำลังเกิดขึ้น

ไม่ว่าจะกรณีความขัดแย้งของนายตำรวจระดับ "บิ๊ก" ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก็เกี่ยวโยงมาจากเว็บพนันออนไลน์ ที่ผุดเป็นดอกเห็ด หรือเรื่องบุกจับบ่อนพนันใหญ่ที่ จ.นนทบุรี ซึ่งแทนที่จะพูดถึงปัญหาความย่อหย่อน และต้องมีความเข้มข้นในเรื่องการปราบปราม กลับถูกนำไปเป็นข้ออ้าง เพื่อเปิดกาสิโนถูกกฎหมาย

ทั้งที่ปฏิเสธไม่ได้ว่า ถึงจะเปิดกาสิโนเสรีในประเทศได้ แต่บ่อนพนันสารพัดรูปแบบ รวมทั้งบ่อนวิ่ง บ่อนออฟไลน์ ออนไลน์ ก็จะไม่ได้หมดไป ด้วยสาเหตุสำคัญคือเงื่อนไขและคุณสมบัติของคนที่จะเข้าไปเล่นพนันไม่ผ่านเกณฑ์

และเป็นที่น่าเสียดาย ที่ สส.ฝ่ายค้านและรัฐบาลที่ร่วมโหวตเห็นชอบในรายงานการศึกษา กลับไม่มีใครเลยแม้แต่คนเดียว ที่จะออกเสียงคัดค้าน ไม่เห็นด้วย

วิเคราะห์ : ประจักษ์ มะวงศ์สา

อ่านข่าว : "ทนายตั้ม" แจ้งความบิ๊ก ตร.ฟอกเงิน 1 เม.ย.พบเส้นเงินโยงเว็บพนัน 38 เส้น

"เฉลิมชัย" นำ สส.ปชป.ติวซักฟอก ไม่มีล็อบบี้ห้ามพาดพิง “ทักษิณ”

"บิ๊กต่อ" ถอนฟ้อง "ทนายตั้ม" ย้ำไม่โยงเว็บพนันพร้อมให้สอบฟอกเงิน

ประปากระบี่วิกฤต! แหล่งน้ำดิบไม่พอ แบ่งโซนจ่ายน้ำ 4 วัน หยุด 3 วัน เดือดร้อนหนัก

ข่าวที่เกี่ยวข้อง