แถลงยืนยันไฟไหม้ถังสารเคมีมาบตาพุด 1 ถัง ยังเฝ้าระวังไฟปะทุ

สิ่งแวดล้อม
9 พ.ค. 67
22:47
1,976
Logo Thai PBS
แถลงยืนยันไฟไหม้ถังสารเคมีมาบตาพุด 1 ถัง ยังเฝ้าระวังไฟปะทุ
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
รองผู้ว่าฯ ระยองและผู้บริหารโรงงานเพลิงไหม้ถังสารเคมีที่มาบตาพุด แถลงควบคุมเพลิงได้แล้ว ยืนยันเพลิงไหม้ถังสารเคมี 1 ถัง พร้อมเยียวยาครอบครัวผู้เสียชีวิต-บาดเจ็บ

วันนี้ (9 พ.ค.2567) นายกัฬชัย เทพวรชัย รองผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง พร้อมด้วยนายธรรมศักดิ์ เศรษฐอุดม กรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท SCG และผู้เกี่ยวข้อง ร่วมกันแถลงสรุปเหตุการณ์เพลิงไหม้ถังสารเคมีภายในบริษัท มาบตาพุด แทงค์ เทอร์มินอล จำกัด

นายธรรมศักดิ์ เปิดเผยว่า เหตุการณ์เริ่มตั้งแต่ช่วงเวลา 10.45 น. หลังมีพนักงาน 4 คนเข้าไปตรวจวัดระดับสารในถัง แต่ระหว่างตรวจสอบปรากฏว่าเริ่มพบกลุ่มควันก่อนจะมีเพลิงไหม้ตามมา จึงทำให้พนักงานที่เข้าไปตรวจวัดสารตกลงมาจากที่สูงได้รับบาดเจ็บ 4 คน และหนึ่งในผู้ได้รับบาดเจ็บได้เสียชีวิตในเวลาต่อมา ซึ่งสาเหตุพบว่ามาจากการตกจากที่สูง

อ่านข่าว : ตายแล้ว 1 คนเหตุไฟไหม้ถังแก๊สโซลีน "มาบตาพุด แทงค์ฯ"

ส่วนขั้นตอนการดับไฟ ตั้งแต่เกิดเหตุโรงงานมีอุปกรณ์ดับไฟที่เป็นโฟม โดยเริ่มเข้าฉีดระงับเหตุทันทีจนสามารถควบคุมเพลิงได้ตั้งแต่ช่วงเที่ยง แต่ปรากฏว่าระหว่างนั้นอุณหภูมิความร้อนในถังไม่ลดลง จึงทำให้ช่วงบ่ายเกิดไฟประทุขึ้นมาอีกครั้ง จนช่วงเวลาประมาณ 18.00 น.จึงสามารถควบคุมเพลิงได้ แต่เจ้าหน้าที่ยังต้องระดมฉีดน้ำและโฟมเพื่อหล่อเลี้ยง ปรับอุณหภูมิให้เย็นลง โดยมีการตรวจวัดทุกชั่วโมง จนขณะนี้วัดอุณภูมิได้ที่ประมาณ 40-50 องศาเซลเซียส

อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่จะต้องเฝ้าระวังสถานการณ์ต่อจนกว่าจะมั่นใจว่าไม่มีไฟปะทุขึ้นมา จากนั้นจึงจะเข้าตรวจสอบถึงสาเหตุการเกิดเพลิงไหม้ในครั้งนี้

อ่านข่าว : คุมได้แล้ว! เพลิงไหม้ถังแก๊สโซลีน "มาบตาพุดแทงค์"

สำหรับตัวถังเก็บแก๊ส บริษัทฯ ยืนยันว่ามีการไหม้เพียง 1 ถังเท่านั้น ไม่ไช่ 3-4 ถังตามที่เป็นข่าว เมื่อเพลิงสงบแล้วเจ้าหน้าที่ได้ตรวจวัดความแข็งแรงของโครงสร้างอาคาร ขณะนี้ทุกอย่างกลับเข้าสู่สภาวะปกติ

พร้อมยืนยันว่า น้ำซึ่งเป็นน้ำเสียและมีส่วนผสมของสารเคมีจะไม่รั่วไหลลงทะเลหรือแหล่งน้ำใกล้เคียง เนื่องจากบริษัทมีการสร้างอ่างเก็บน้ำซึ่งเป็นเขื่อนกั้นเอาไว้ โดยจะใช้ระยะเวลาซ่อมแซมตัวอาคารและสภาพโดยรอบประมาณ 2 สัปดาห์

ขณะที่ประชาชนส่วนใหญ่ที่อพยพไปศูนย์พักพิงได้กลับบ้านแล้ว และหลังจากนี้จะดูแลครอบครัวของผู้เสียชีวิตและผู้ได้รับบาดเจ็บอย่างเต็มที่ รวมถึงจะเพิ่มมาตรการป้องกันเหตุเพลิงไหม้ เนื่องจากครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ที่เกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้ แต่จะเกิดจากสาเหตุเดียวกันหรือไม่ เบื้องต้นคาดว่าไม่เกี่ยวข้องกัน เพราะเหตุการณ์เพลิงไหม้ครั้งแรกเกิดระหว่างที่มีการปรับปรุงซ่อมแซมถังสารเคมีและเป็นความผิดของบริษัทผู้รับเหมาในขณะนั้น

อ่านข่าว : ไทม์ไลน์ ไฟไหม้ "มาบตาพุด แทงค์ เทอร์มินัล"

นายสุนทร เหรียญภูมิการกิจ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดระยอง กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงานผลกระทบทางสุขภาพของประชาชนในพื้นที่ สำหรับสารประกอบไฮโดคาร์บอน หรือ C9+ ซึ่งเป็นสารผลิตพลอยได้จากการผลิตเม็ดพลาสติก ระเหยในอากาศ จากการตรวจวัดยังอยู่ในระดับที่ไม่ส่งผลกระทบกับสุขภาพ หรืออยู่ในระดับที่ก่อให้เกิดโรคมะเร็ง

ด้านนายกัฬชัย รองผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง ระบุว่า สถานการณ์กลับเข้าสู่ภาวะปกติ แต่ยังคงเฝ้าระวังเหตุการณ์ ซึ่งในวันพรุ่งนี้ (10 พ.ค.) จังหวัดจะยกเลิกการประกาศภาวะฉุกเฉิน เบื้องต้นยืนยันว่าที่ผ่านมาหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกับนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด ได้ฝึกซ้อมแผนอพยพมาอย่างต่อเนื่อง

ส่วนตัวแทนจากนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด เปิดเผยว่า หลังจากนี้จะคุมเข้มมาตรการรักษาความปลอดภัยในพื้นที่ ส่วนการฟื้นฟู รวมถึงติดตามกากของเสียซึ่งเกิดจากการดับเพลิง จะจัดตั้งหน่วยงานที่ไม่มีส่วนได้ส่วนเสีย หรือ Third Party เช่น นักวิชาการจากมหาวิทยาลัยของรัฐ มาร่วมติดตามผลกระทบที่เกิดขึ้น

อ่านข่าว

ไขปม! เพลิงผลาญ มาบตาพุดแทงค์ไฟ "แก๊สโซลีน" ดับยาก

"สาธารณภัย" ต้องรุนแรงขั้นไหนถึงต้องประกาศ "ภาวะฉุกเฉิน"

วายร้าย VOCs อันตรายต่อร่างกาย ทำลายอวัยวะภายใน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง