โทรทัศน์ลิเบียเผยภาพขณะที่ พ.อ.โมฮัมมา กัดดาฟีถูกจับได้ ซึ่งแม้จะโชกไปด้วยเลือดแต่ยังมีชีวิต หลังจากนั้นไม่นานกลับเป็นภาพที่ พ.อ.กัดดาฟี เสียชีวิตแล้ว โดยมีรอยถูกยิงที่ศีรษะ ซึ่งขณะนี้ยังเป็นปริศนาว่า จริง ๆ แล้วฝ่ายใดเป็นคนฆ่า
นายมาห์หมูด จิ๊บริล นายกรัฐมนตรีรักษาการประกาศว่า พ.อ.กัดดาฟี ถูกสังหารด้วยกระสุนที่ไม่รู้ว่ามาจากฝ่ายใด เพราะในระหว่างที่เขาถูกจับได้นั้นยังคงมีการยิงต่อสู้กันอย่างดุเดือดระหว่างฝ่ายว่าที่รัฐบาลใหม่กับฝ่ายที่ยังภักดีต่อพ.อ.กัดดาฟี
ส่วนด้านรัฐมนตรีข่าวสารให้สัมภาษณ์สื่อบางแห่งว่า กองกำลังฝ่ายว่าที่รัฐบาลใหม่จู่โจมเข้าไปในบ้านหลังหนึ่ง จากนั้นได้ยิง พ.อ.กัดดาฟี ที่พยายามวิ่งหลบหนี แต่ทางด้านรัฐมนตรีกลาโหมฝรั่งเศสแถลงว่า เครื่องบินฝรั่งเศสยิงเตือน และ หยุดขบวนรถยนต์ของพ.อ.กัดดาฟี ที่กำลังพยายามหลบหนีออกจากเมืองเซิร์ท
เมื่อข่าวการเสียชีวิตของ พ.อ.กัดดาฟีแพร่ออกไปประชาชนในเมืองเบงกาซี และ เมืองมิซูราต้า ซึ่ง 2 เมืองนี้เป็นฐานที่มั่นหลักของการลุกฮือต่อต้านอำนาจการปกครองกว่า 42 ปีของพันเอกกัดดาฟีมาตั้งแต่ต้นปีได้ออกมาเฉลิมฉลอง ทั้งนี้รวมถึงชาวลิเบียในกรุงทริโปลี
การเสียชีวิตของ พ.อ.กัดดาฟี ครั้งนี้เกิดขึ้น 2 เดือนหลังกองกำลังฝ่ายว่าที่รัฐบาลใหม่ ซึ่งเวลานั้นยังได้ชื่อว่าเป็นฝ่ายกบฏ บุกยึดกรุงทริโปลีได้สำเร็จ จากนั้น พ.อ.กัดดาฟี ได้หนีลงใต้ดินไปปลุกมวลชนให้ลุกขึ้นสู้กับกบฏและต่างชาติผู้รุกราน กองกำลังรุกรานจากต่างชาติ ฝ่ายว่าที่รัฐบาลใหม่
ซึ่งก่อนหน้านี้ พ.อ.กัดดาฟี ได้ประกาศยืนกรานตลอดมาว่า ถ้าไม่ชนะจะสู้จนกว่าจะตายภายในแผ่นดินลิเบีย โดยในเหตุการณ์นี้ยังทำให้นายมูตาสซิม ซึ่งเป็น 1 ในจำนวนบุตรชายหลายคนของ พ.อ.กัดดาฟี ถูกยิงเสียชีวิตไปด้วย รวมถึงอดีตผู้บัญชาการด้านข่าวกรอง