สภาถ่ายโอนอำนาจในลิเบียพร้อมตั้งรัฐบาลในอีก 1เดือน
ผู้นำของสภาการถ่ายโอนแห่งชาติลิเบีย ประกาศว่า นับจากนี้ไปลิเบียจะปกครองประเทศโดยยึดหลักกฎหมายชารีอะห์ของศาสนาอิสลาม พร้อมกำหนดกรอบเวลาในการจัดตั้งรัฐบาลรักษาการณ์และจัดการเลือกตั้งทั่วไป
พิธีฉลองการปลดปล่อยประเทศจากการปกครองของ พ.อ.โมอัมมาร์ กัดดาฟี่ ที่มีระยะเวลายาวนานถึง 42 ปี จัดขึ้นที่จตุรัสแห่งชัยชนะในเมืองเบงกาซี ซึ่งเป็นศูนย์กลางของฝ่ายต่อต้าน พ.อ.กัดดาฟี่ ตลอดระยะเวลาของการต่อสู้นานถึง 8 เดือน เพลงชาติที่บรรเลงในพิธีฉลองเป็นเพลงชาติที่เคยใช้ในช่วงปี 2494-2512 ซึ่งอยู่ในยุคการปกครองระบอบกษัตริย์ แต่ถูกยกเลิกไปเมื่อพันเอกกัดดาฟี่ปฏิวัติโค่นล้มราชบัลลังค์ได้สำเร็จ
ในงานนี้นายมุสตาฟา อับดุล จาลิล ประธานสภาการถ่ายโอนแห่งชาติหรือเอ็นทีซีประกาศทิศทางการบริหารประเทศว่าภายในหนึ่งเดือนจะมีการจัดตั้งคณะรัฐบาลรักษาการณ์ และจะมีการเลือกตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญภายใน 8 เดือน และหลังจากนั้นอีก 1 ปีจะจัดให้มีการเลือกตั้ง สส.และ ประธานาธิบดี
ประเทศลิเบียนับจากนี้จะปกครองโดยยึดกฎหมายชารีอะห์ของศาสนาอิสลามเป็นพื้นฐาน ส่วนกฎหมายในปัจจุบันที่บังคับใช้มาตั้งแต่ยุคของพันเอกกัดดาฟี่ หากกฎหมายมาตราใดขัดแย้งกับกฎหมายชารีอะห์ให้ถือเป็นโมฆะ นอกจากนี้จะมีการตั้งธนาคารอิสลามด้วย
ส่วนศพของ พ.อ.กัดดาฟี่ รวมถึงศพของนายมูตาสซิม บุตรชายและนายอาบู บาร์ค ยูนิส อดีตรัฐมนตรีกลาโหม ซึ่งเสียชีวิตเมื่อ 3 วันก่อน ตอนนี้ศพยังไม่ถูกนำไปฝัง แต่ถูกนำไปเก็บไว้ในห้องเย็นของห้างสรรพสินค้าในเมืองมิซูราต้า และเปิดให้ประชาชนเข้าไปดู/พร้อมอนุญาตให้ถ่ายรูปได้อีกด้วย
เมื่อวานนี้ผลการชันสูตรศพของพ.อ.กัดดาฟี่ ยืนยันอย่างเป็นทางการว่าเสียชีวิตจากการถูกยิงที่ศีรษะ แต่ไม่ทราบว่าเป็นฝีมือของฝ่ายกบฏ หรือเป็นลูกหลง เนื่องจากช่วงที่พันเอกกัดดาฟี่ถูกจับตัว มีการยิงปะทะกันระหว่างกองกำลังของ กัดดาฟี่ กับฝ่ายกบฏ ประเด็นนี้ทำให้หลายองค์กรเรียกร้องให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลของสหรัฐ,รัสเซีย,คณะทำงานด้านสิทธิมนุษยชนของยูเอ็น รวมถึงนางซาเฟียภรรยาของ พ.อ.กัดดาฟี่ ที่ลี้ภัยไปประเทศแอลจีเรียก่อนหน้านี้ ก็เรียกร้องให้ยูเอ็นสอบสวนเรื่องนี้ด้วย