รอง ผบ.ตร.เชื่อผู้ต้องหาไม่สอดไส้เงินของกลาง

การเมือง
9 ธ.ค. 54
12:10
8
Logo Thai PBS
รอง ผบ.ตร.เชื่อผู้ต้องหาไม่สอดไส้เงินของกลาง

รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเชื่อว่าผู้ต้องหาปล้นบ้านพักนายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคม ไม่ได้มีการนำเงินมาสอดไส้เพิ่มเติม หลังจากที่นายสุพจน์ ให้ปากคำกับตำรวจว่าทรัพย์สินที่ถูกปล้นไปมีเพียง 5 ล้านบาท ขณะที่กรรมการ ป.ป.ช. ยืนยันว่าการให้ปากคำนายสุพจน์ เป็นข้อมูลคนละส่วนกับการไต่สวนของ ป.ป.ช.

ภายหลังจากที่นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคมได้ให้ปากคำกับเตำรวจเมื่อวานนี้โดยยืนยันว่าทรัพย์สินที่ถูกปล้นไปมีเพียง 5 ล้านบาท นายใจเด็ด พรไชยา กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช.ซึ่งรับผิดชอบการไต่สวนข้อกล่าวหานายสุพจน์ ร่ำรวยผิดปกติ ระบุว่าการให้การของนายสุพจน์ กับตำรวจเป็นคนละส่วนกับการไต่สวนของ ป.ป.ช.โดยใ ป.ป.ช.นั้นมีแนวทางตรวจสอบเรื่องนี้ 3 แนวทางอ คือความจงใจไม่ยื่นแสดงบัญชีทรัพย์สิน,การร่ำรวยผิดปกติ และ การทุจริต ซึ่งหากข้อมูลใดไม่ตรงกันจะนำมาวินิจฉัยอีกครั้งหนึ่ง

ส่วนความคืบหน้าการชี้แจงรายละเอียดที่มาของเงินป.ป.ช.ได้ให้เวลานายสุพจน์ ไปตามที่มีข้อกำหนดคือภายใน 30 วัน ส่วนการชี้แจงยังไม่ได้รับการยืนยันกลับมาจากนายสุพจน์ว่าจะชี้แจงเป็นเอกสาร หรือ มาด้วยตัวเอง

ขณะที่ พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา รองผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวในที่ประชุมคณะกรรมาธิการศึกษา ตรวจสอบทุจริต และเสริมสร้างธรรมาภิบาล วุฒิสภา ยอมรับว่าขณะนี้ตำรวจยังไม่ทราบว่าเงินที่ถูกปล้นจากบ้านพักนาสุพจน์ มีจำนวนเท่าไหร่กันแน่ ซึ่งจากคำให้การและหลักฐานในพบว่ามีกระเป๋าอีก 3 ใบในที่เกิดเหตุ โดยผู้ต้องหาได้เอาไป 1 ใบ ซึ่งมีจำนวนเงินประมาณ 20 ล้านบาท และยังมีอีก 2 ใบใหญ่ ที่ไม่ได้ถูกรื้อค้น ซึ่งคาดการณ์ว่าน่าจะมีเงินในปริมาณเท่าๆ กัน ขณะที่เบื้องต้นผู้เสียหายแจ้งว่าถูกปล้นไป 700,000 บาท แต่เพิ่มยอดเงินที่ถูกปล้นเป็น 5 ล้านบาท ในภายหลังซึ่งถือว่าผิดปกติ และเชื่อว่าผู้ต้องหาไม่ได้มีการนำเงินมาสอดใส้เพิ่มเติม

พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ กล่าวว่า เมื่อดูจากเจตนาแล้ว หากนายสุพจน์กลับมาบ้าน และได้สำรวจทรัพย์สิน และหลักฐานที่มีการรื้อค้นในบ้านเชื่อว่าจะไม่มีการแจ้งความ แต่ขณะนั้นเป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปก่อน เพราะไม่รู้ข้อเท็จจริงว่าคนร้ายมุ่งที่จะมาเอาเงินส่วนนี้ ขณะที่เจ้าหน้าที่ได้แต่เก็บรวบรวมพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุ โดยไม่มีอำนาจไปรื้อค้นบ้าน โดยยืนยันว่าตำรวจให้ความเป็นธรรม และทำงานไปตามระบบ ไม่สามารถเบี่ยงเบนคดีได้

โดยกรณีนี้ผู้เสียหายอาจมีความผิดฐานแจ้งความเท็จได้ แต่ส่วนจะมีการทุจริตหรือไม่มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสอบสวนอยู่ ทั้งนี้ทางตำรวจจะเดินทางไปที่บ้านพักของนายสุพจน์ในวันนี้อีกครั้ง เพื่อสอบหลักฐานเพิ่มจากบุคคลที่เกียวข้องเพื่อนำมาประกอบกับข้อมูลการให้การของนายสุพจน์ เมื่อวานนี้


ข่าวที่เกี่ยวข้อง