คาดการขึ้นค่าก๊าซ NGV-ค่าแรงทำสินค้าราคาสูงขึ้นในปีหน้า

นายกสมาคมค้าส่งปลีกไทยเชื่อการปรับขึ้นก๊าซ NGV ในปีหน้า และการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ 300 บาท จะส่งผลให้ต้นทุนสินค้าเพิ่มขึ้น ทำให้ต้องมีปรับขึ้นราคาสินค้าเฉลี่ยร้อยละ 5-10

สภาพน้ำท่วมที่คลี่คลายทำให้สินค้าอุปโภคบริโภคส่วนใหญ่เริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติและยังคงไม่มีการปรับขึ้นราคา แต่ในปีหน้า นายสมชาย พรรัตนเจริญ นายกสมาคมค้าส่งปลีกไทย เชื่อว่า แนวโน้มราคาสินค้าจะปรับตัวสูงขึ้นร้อยละ 5-10 จากการปรับขึ้นราคาก๊าซ NGV และการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท

สำหรับสินค้าที่มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นจะเป็นกลุ่มที่เกี่ยวกับภาคการขนส่ง เนื่องจากการปรับราคาก๊าซ NGV เพิ่มขึ้น เช่น กลุ่มอุตสาหกรรมที่มีน้ำหนัก ใช้พื้นที่ขนส่งมาก ราคาต่อหน่วยจะแพงขึ้นตามต้นทุน เช่น น้ำตาลทราย ปูนซิเมนต์ ส่วนสินค้าที่มีบรรจุภัณฑ์ขนาดเล็ก ที่มีน้ำหนักไม่มาก จะได้รับผลกระทบไม่มาก และเชื่อว่าจะไม่ขาดแคลน หากรัฐบาลมีการใช้โครงสร้างราคาสินค้าที่เป็นธรรมและเหมาะสมกับทุกฝ่ายโดยไม่ใช้อำนาจในการทำให้สินค้าขาดหรือแพงขึ้น เช่น การคุมราคาสินค้าในภาวะที่สินค้าจำเป็นต้องขึ้นจากต้นทุนที่เพิ่ม เพราะหากควบคุมราคา จะทำให้ผู้ประกอบการไม่สามารถขายสินค้าในภาวะปกติได้ เป็นสาเหตุที่ทำให้สินค้าแพงขึ้นและขาดตลาด

นายกสมาคมค้าส่งปลีกไทยยอมรับว่า ปีนี้เป็นปีที่วิกฤตสำหรับสินค้าบางชนิดที่เกิดภาวะขาดตลาดและเกิดการกักตุนทั้งจากผลผลิตที่ลดลงและปัญหาอุทกภัย เช่น น้ำมันปาล์ม น้ำ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป แต่ขณะเดียวกันก็เป็นโอกาสที่ผู้บริโภคได้บริโภคสินค้าของผู้ประกอบการขนาดเล็กในภูมิภาคต่างๆ แทนสินค้ายี่ห้อเดิมที่ถูกปลูกฝังด้วยโฆษณา

สอดคล้องกับนายพรศิลป์ พัชรินทร์ตนะกุล ประธานคณะกรรมการธุรกิจเกษตรอาหาร สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ระบุว่า แนวโน้มราคาอาหารในปีหน้าจะปรับตัวสูงขึ้นเฉลี่ยร้อยละ 5 จากราคาสินค้าเกษตรที่ปรับเพิ่มขึ้น จากนโยบายของรัฐที่อุดหนุนสินค้าเกษตรโดยใช้การรับจำนำ ทำให้แรงกดดันด้านราคาเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังต้องจับตาราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก หากปรับขึ้นไปอยู่ที่ 100 เหรียญ จะส่งผลให้ต้นทุนสินค้าเพิ่มขึ้น เนื่องจากเป็นต้นทุนของทั้งภาคการผลิตและขนส่ง