วุฒิสภาเตรียมบรรจุร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ 55 ในวันที่ 16 หรือ 23 ม.ค.นี้

การเมือง
5 ม.ค. 55
13:37
16
Logo Thai PBS
วุฒิสภาเตรียมบรรจุร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ 55 ในวันที่ 16 หรือ 23 ม.ค.นี้

การพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2555 ในวาระ 2 และ 3 ของสภาผู้แทนราษฎร ในวันที่ 2 ไม่คืบหน้าเท่าที่ควร เนื่องจากตลอดทั้งวันใช้เวลาไปกับการอภิปรายงบกลาง ขณะที่คณะกรรมาธิการกิจการวุฒิสภาเตรียมบรรจุวาระพิจารณาร่างกฎหมายฉบับนี้ในวันจันทร์ที่ 16 หรือ 23 ม.ค.หาก ส.ส.ลงมติเห็นชอบในวันพรุ่งนี้ ( 6ม.ค.)

คณะกรรมาธิการประสานงาน หรือ วิป ทั้งวิปรัฐบาลและวิปฝ่ายค้าน หารือกำชับกรอบเวลาในการอภิปรายร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2555 ของสภาผู้แทนราษฎรอีกครั้ง หลังเกินกรอบเวลาตกลงเดิม และ ได้ข้อสรุปที่จะปิดอภิปราย เพื่อลงมติเห็นชอบ ก่อนเที่ยงคืนในวันพรุ่งนี้ ( 6ม.ค.) ซึ่งตามขั้นตอนต้องส่งร่างกฎหมายให้วุฒิสภาพิจารณาเห็นชอบต่อไป โดยวิปวุฒิสภา เตรียมบรรจุวาระการพิจารณาในวันจันทร์ที่ 16 หรือ 23 ม.ค.นี้ เพื่อให้แล้วเสร็จตามกรอบเวลา และ ให้มีผลบังคับใช้ ทันวันที่ 1 ก.พ.

ตลอดทั้งวันของการพิจารณารายละเอียดของร่างกฎหมาย รายมาตรา ในวันที่ 2 ไม่คืบหน้าเท่าที่ควร เนื่องจากใช้เวลาไปกับการอภิปราย มาตรา 4 ว่าด้วยงบกลาง โดยเฉพาะงบที่จัดสรรไว้เพื่อกรณีฉุกเฉิน หรือช่วยเหลือน้ำท่วม ซึ่งจัดสรรไว้ 120,000 ล้านบาท แต่ท้ายที่สุดสภาฯก็ลงมติเห็นชอบด้วยคะแนน 267 ต่อ 136 เสียง และงดออกเสียง 11 เสียง โดยไม่ลงคะแนน 3 คน และขณะนี้อยู่ระหว่างการอภิปรายมาตรา 5 ว่างบประมาณในส่วนของสำนักนายกรัฐมนตรี และหน่วยงานในกำกับดูแลกว่า 20,000 ล้านบาท

มีรายงานว่า นายกรัฐมนตรี มีกำหนดการเข้าร่วมประชุมสภาฯในช่วงเช้า แต่ตลอดทั้งวันนายกรัฐมนตรีกลับปฏิบัติภารกิจราชการ ที่ทำเนียบรัฐบาล ก่อนเดินทางไปเป็นผู้กราบบังคมทูลรายงานในพิธีเปิดนิทรรศการบีโอไอแฟร์ 2011 ที่เมืองทองธานี เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา ซึ่งก่อนหน้านั้น ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ได้ทักท้วงถึงการไม่ให้ความสำคัญในการพิจารณาร่างกฎหมายที่รัฐบาลเสนอ

ขณะเดียวกัน มีรายงานว่า การพิจารณาร่างงบฯล่าช้าเป็นเหตุให้การขับเคลื่อนนโยบายต่าง ๆ ล่าช้าไปด้วย และ อาจเป็นผลให้ใช้จ่ายเงินไม่ทันในกรอบ 8 เดือนนับแต่วันนี้ถึงวันที่ 30 ก.ย.นี้ นอกจากนั้นยังเป็นเหตุให้ต้องชะลอการพิจารณา พ.ร.ก. 4 ฉบับ ที่ ครม.สั่งให้ทบทวนไว้ด้วย โดยเฉพาะ พ.ร.ก.โอนหนี้กองทุน เพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ให้ธนาคารแห่งประเทศไทย รับผิดชอบทั้งดอกเบี้ยและเงินต้น จำนวน 1,140,000 ล้านบาท ซึ่งนับเป็นช่วงเวลาที่จะหาข้อยุติร่วมกัน เพราะนายธีรชัย ภูวนาถนรานุบาล และนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง เห็นไม่ตรงกันต่อ พ.ร.ก.ฉบับนี้ 


ข่าวที่เกี่ยวข้อง