เส้นทางชีวิตและธุรกิจ 
วันนี้(11 พ.ย.2558) จากการปรากฎตัวของ พ.อ.คชาชาต บุญดี นายทหารฝ่ายเสนาธิการ กองทัพภาคที่ 3 ผู้ต้องหาในคดีหมิ่นสถาบันเบื้องสูง ที่ด่านพรหมแดนแม่สอด จ.ตาก มุ่งหน้าจังหวัดเมียวดี ประเทศเมียนมาเมื่อเช้าวันที่ 31 ต.ค. ที่ผ่านมา และหนังสือขอทางการเมียนมา ติดตามตัวพ.อ.คชาชาต เป็นสิ่งบ่งชี้ว่าผู้ต้องหาในคดีหมิ่นสถาบันเบื้องสูง ตามประมวลกฏหมายอาญา 112 หลบหนีและยังซ่อนตัวในเมียนมา
พ.อ.คชาชาต บุญดี เริ่มเป็นที่รู้จักจากยุทธการ "สยบสาละวิน" ปี 2557 ซึ่งพบโรงงานและไม้จำนวนมาก ส่งผลให้มีการสั่งย้ายและสอบสวนข้าราชการจำนวนมาก ผลงานอีกชิ้นคือ ควบคุม นายพานทองแท้ ชินวัตร ที่สนามบินเชียงใหม่ ในช่วงรัฐประหาร เดือนพ.ค. 2557 พ.อ.คชาชาต เติบโตจากสายทหารปืนใหญ่ กระทั่งเป็นผู้บังคับกองพันทหารปืนใหญ่ที่ 31 รักษาพระองค์ ต่อมาย้ายเป็นผู้บังคับศูนย์ฝึกนักศึกษาวิชาการทหาร มณฑลทหารบกที่ 33 อ.เมืองเชียงใหม่ นานกว่า 4 ปี ทำให้รู้จักนักธุรกิจจำนวนมาก รวมถึงหญิงสาวเจ้าของโรงงานตัดเสื้อ ซึ่งเป็น 1 ในปมคดีในคดีหมิ่นสถาบันเบื้องสูง
จากนั้นย้ายเป็นผู้บังคับการกรมทหารพรานที่ 36 อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน 4 ปี ในพื้นที่ชายแดน ทำให้สนิทกับกองกำลังติดอาวุธและกลุ่มธุรกิจชายแดน กระทั่งร่วมลงทุนทำเหมืองแร่ทองคำ ในจ.ผาปูน รัฐคะยา แต่ธุรกิจในช่วงหลังประสบปัญหาขาดทุน ล่าสุดมีการตรวจสอบรีสอร์ท 2 แห่ง ในอ.เวียงหนองร่อง จ.ลำพูน และในอ.หางดง จ.เชียงใหม่ ซึ่งพบว่ามีการนำไม้จากอ.แม่สะเรียง มาก่อสร้างว่าถูกต้องและเกี่ยวข้องกับพ.อ.คชาชาตหรือไม่ เนื่องจากขณะรับราชการพื้นที่ภาคเหนือเจ้าตัวพร้อมลูกน้องมักปรากฎตัวที่รีสอร์ท 2 แห่งต่อเนื่อง รวมทั้งโรงแรมแห่งหนึ่งในอ.เมืองลำปาง ว่า พ.อ.คชาชาต เป็นหุ้นส่วนหรือไม่