นักวิชาการ ม.หอการค้า เสนอบริหารหนี้กองทุนฟื้นฟูฯ
นายธนวรรธน์ พลวิชัย รองอธิการบดีฝ่ายวิจัย มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวแสดงความมั่นใจว่า ธนาคารแห่งประเทศ และกระทรวงการคลัง จะหาทางออกร่วมกันเกี่ยวกับข้อสรุปอัตราเรียกเก็บเงินสมทบเข้าสถาบันคุ้มครองเงินฝาก จากเดิมร้อยละ 0.4 ซึ่งคาดว่าจะไม่เกิยร้อยละ 0.6 จากเพดานกฎหมายกำหนดที่ร้อยละ 1 ได้ โดยไม่ผลักภาระให้ธนาคารพาณิชย์ และประชาชนมากเกินไป หลังจากประเมินว่า ความต้องการสินเชื่อปีนี้ ขยายตัวสูง รองรับอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ ประกอบกับ ธนาคารแห่งประเทศไทย กำลังปรับปรุงระบบพัฒนาสถาบันการเงิน ให้สอดรับการรวมกลุ่มประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ส่งผลให้ ธนาคารพาณิชย์ต่างชาติ สามารถขยายสาขาในไทยได้ ดังนั้น ธนาคารพาณิชย์ของไทย ย่อมต้องพยายามรักษาฐานลูกค้าเดิม แม้บางส่วน อาจได้รับผลกระทบจากต้นทุนการเงินสูงขึ้น จากพระราชกำหนดบริหารหนี้กองทุนเพื่อการฟื้นฟู และพัฒนาระบบสถาบันการเงิน
ทั้งนี้ คณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง. ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงเหลือร้อยละ 3 เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของภาคธุรกิจ ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม แต่หลังจากพระราชกำหนดบริหารหนี้กองทุนฟื้นฟูฯ มีผลบังคับใช้ ทำให้ธนาคารพาณิชย์บางส่วน ชะลอการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลง เพื่อรอดูท่าทีของธนาคารแห่งประเทศไทย ที่เตรียมปรับอัตราเรียกเก็บเงินสมทบเข้าสถาบันคุ้มครองเงินฝาก ซึ่งสมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ประเมินว่า การเพิ่มอัตราเรียกเก็บเงินสมทบมากขึ้นทุก ๆ ร้อยละ 0.1 ส่งผลกระทบต่อกำไรธนาคารพาณิชย์ลดลงร้อยละ 4 ภายใต้การคาดการณ์สินเชื่อขยายตัวเฉลี่ยร้อยละ 10