ชี้ปมขัดแย้งโยกปลัด พม.เหตุฝ่ายการเมืองให้ยกเลิกประกาศก่อสร้างอาคารกระทรวงแห่งใหม่ไม่สำเร็จ

สาเหตุการโยกย้ายนางพนิตา กำภู ณ อยุธยา ไปเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี เนื่องจากถูก สตง.ตรวจสอบเรื่องการใช้งบประมาณผิดประเภท ถูกหลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่าอาจเป็นเพียงข้ออ้าง แต่เหตุผลที่แท้จริงอาจเป็นข่าวที่ฝ่ายการเมืองให้นางพนิตายกเลิกการประกวดราคาการก่อสร้างอาคารที่ทำการแห่งใหม่ของกระทรวง ซึ่งเรื่องนี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ ออกมาปฏิเสธ และระบุว่าที่ไม่ลงนามสัญญาว่าจ้าง เป็นเพราะมีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบอาคาร

อาคารทั้ง 3 หลังภายในบ้านราชวิถีบริเวณนี้ จะถูกทุบทิ้งเพื่อก่อสร้างอาคารที่ทำการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ด้วยงบประมาณก่อสร้างกว่า 1,200 ล้านบาท กลายเป็นประเด็นความขัดแย้งระหว่างนายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ กับนางพนิตา กำภู ณ อยุธยา ปลัดกระทรวงฯ ที่ถูกคำสั่งย้ายด่วนเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี

แม้ว่านางพนิตา จะบอกว่าไม่ตกใจกับคำสั่งนี้ เพราะเตรียมตัวเตรียมใจมาแล้วก่อนหน้านี้ เนื่องจากมีปัญหาความขัดแเย้งกับฝ่ายการเมืองเรื่องการประมูลก่อสร้างตึกกระทรวง พม. ซึ่งสวนทางกับคำให้สัมภาษณ์ของนายสันติที่ระบุถึงสาเหตุการย้ายว่า เป็นเพราะสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน หรือ สตง.ทักท้วงการเบิกจ่ายเงินงบประมาณไปต่างประเทศจำนวนกว่า 32 ล้านบาทสมัยที่นางพนิตา ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ

ขณะที่หลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่าสาเหตุความล่าช้าของการอนุมัติโครงการฯ ทั้งที่มีบริษัทที่ชนะการประกวดราคาแล้วคือ บริษัทกิจการร่วมค้า WSBP ด้วยวงเงิน 1,289 ล้านบาทโดยประกาศผลไปแล้วเมื่อวันที่ 2 กันยายน 2554 อาจเป็นเพราะกระแสข่าวที่ระบุว่าฝ่ายการเมืองให้ยกเลิกการประกวดราคา แต่นางพนิตายืนยันว่าไม่สามารถทำได้ เพราะได้ดำเนินการทุกอย่างถูกต้องตามขั้นตอนแล้ว ซึ่งนายอิสสระ สมชัย อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ตั้งข้อสังเกตว่าการโยกย้ายครั้งนี้มีความผิดปกติ เพราะเป็นการโยกย้ายนอกฤดูกาล

กระแสวิพากษ์วิจารณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ออกมาปฏิเสธว่าการโยกย้ายไม่เกียวกับกระแสข่าวการยกเลิกการประกวดราคา แต่เนื่องจากพบความผิดปกติว่ามีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบอาคาร ทำให้มติคณะรัฐมนตรีในรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เพิ่มเติมงบก่อสร้างเมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2552 จากเดิม 930 ล้านบาท เป็น 1,290 ล้านบาท

นายสันติมองว่าขัดกับหลักเกณฑ์ที่กำหนดว่าการเปลี่ยนแปลงแบบรูปรายการก่อสร้าง หากงบประมาณไม่เกินร้อยละ 5 ให้หารือกับสำนักงบประมาณ แต่โครงการนี้ตั้งงบประมาณไว้เกิน จึงต้องเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณา ซึ่งสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ได้ส่งหนังสือตอบกลับมาว่ามีงบประมาณเพิ่มจริง และให้กระทรวง พม.พิจารณาอีกครั้ง

ส่วนสาเหตุการโยกย้ายนางพนิตาที่ระบุว่า สตง.ให้ตรวจสอบการใช้งบประมาณไปต่างประเทศกว่า 32 ล้านบาทผิดประเภทในสมัยที่ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ อาจเป็นเพียงข้ออ้าง เนื่องจากมีรายงานข่าวจากกระทรวงพม.ระบุว่านางพนิตาได้ชี้แจงเรื่องนี้กับสำนักงบประมาณไปแล้ว และเป็นเรื่องการเข้าใจผิดในระเบียบการเบิกจ่ายเงิน