ประเด็นที่ต้องติดตามวันนี้ (15 มี.ค.) ก็คือ การแถลงชี้แจงข้อเท็จจริง จาก นางพนิตา กำภู ณ อยุธยา ปลัดกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ตามที่มีมติคณะรัฐมนตรีสั่งย้ายไปช่วยราชการสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อรอการสอบสวนจากคณะกรรมการสอบวินัย ที่กระทรวงพัฒนาสังคมฯตั้งขึ้น
แม้จะมีคำชี้แจงถึงเหตุผลการโยกย้ายว่า เป็นเพราะข้อมูลของ สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน หรือ สตง. รายงานการเบิกค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปต่างประเทศของ กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ หรือ พส. สมัยที่นางพนิตา ดำรงตำแหน่งอธิบดีมีการใช้เงินแบบผิดประเภทและเบิกจ่ายไปถึง 32 ล้านบาท
แต่ดูเหมือนว่าคำชี้แจงดังกล่าวจะขัดกับรายงานข่าวที่ออกมา ว่าสาเหตุมาจากความขัดแย้งโครงการก่อสร้างตึกสำนัก
งานกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์มากกว่า ซึ่งยังต้องติดตามการแถลงในช่วงบ่ายวันนี้ (15 มี.ค.)
ประเด็นสงสัยที่น่าจะเป็นมูลเหตุทำให้เกิดการโยกย้าย คือ ความขัดแเย้งกับฝ่ายการเมืองเรื่องการประมูล โครงการก่อสร้างอาคารสำนักงานของกระทรวงการพัฒนาสังคม และความมั่นคงของมนุษย์ 3 หลัง ภายในบ้านราชวิถี งบประมาณก่อสร้างกว่า 1,200 ล้านบาท สมัยที่ นายอิสสระ สมชัย เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
โครงการดังกล่าวถูกเสนอในยุครัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ด้วยงบประมาณกว่า 800 ล้านบาท เป็นงบประมาณผูกพัน 3 ปี ตั้งแต่ปี พ.ศ.2554-2556 แต่เมื่อเปลี่ยนรัฐบาลเป็น น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และ นายสันติ พร้อมพัฒน์ เป็นรัฐมนตรี มีการเพิ่มงบประมาณก่อสร้าง และเริ่มดำเนินการประกวดราคา จนกระทั่งได้บริษัทที่ชนะการประกวดราคา เพื่อเสนอให้รัฐมนตรีลงนามเห็นชอบ แต่ฝ่ายการเมือง เสนอให้ยกเลิกการประกวดราคาซึ่ง นางพนิตา ยืนยันว่าไม่สามารถทำได้ เพราะดำเนินการทุกขั้นตอนถูกต้องตามกฎหมายแล้ว โดยได้ประกาศผลการประกวดราคาในเดือนสิงหาคม พ.ศ.2554
ก่อนหน้านี้มีคำแนะนำหากนางพนิตา เห็นว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม ก็สามารถยื่นร้องเรียนต่อ คณะกรรมการพิทักษ์ระบบ
คุณธรรม หรือ ก.พ.ค. ของคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน หรือ กพ.ได้ ซึ่งก็จะคล้ายกับ กรณีของ นายวงศ์ศักดิ์ สวัสดิ์พาณิชย์ อดีตอธิบดีกรมการปกครอง ซึ่งเมื่อสอบสวนพบว่า ไม่ได้รับความเป็นธรรม ก็ต้องจัดหาตำแหน่งที่เทียบเท่าให้ หรือกลับไปปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งเดิม
การยื่นร้องต่อ ก.พ.ค. นางจรวยพร ธรณินทร์ โฆษก ก.พ.ค. บอกว่า ต้องระบุในคำร้องให้ชัดเจนในการเอาผิดกับคู่กรณีว่าเป็นใคร
โดยสามารถยื่นร้องได้ภายใน 30 วัน นับตั้งแต่ทราบมติชัดเจน ซึ่งคณะกรรมการ จะใช้เวลา 90 วัน ในเรียกชี้แจง หากคำร้องฟังขึ้นมีเหตุผลข้อมูลหลักฐานที่ชัดเจนก็ต้องคืนตำแหน่ง
มีข้อมูลว่านับตั้งแต่มีการร้องทุกข์ในลักษณะดังกล่าว มีเพียงกรณีของนายวงศ์ศักดิ์ สวัสดิ์พานิชย์ อธิบดีกรมการปกครอง ซึ่งถูกย้ายไปเป็นผู้ตรวจราชการกระทรวงเท่านั้นที่ได้คืนตำแหน่งเดิม
ก่อนหน้านี้มีกรณีของนายถวิล เปลี่ยนศรี อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช. ที่ยื่นหนังสือร้องเรียนว่านายกรัฐมนตรีใช้อำนาจในการโยกย้ายตำแหน่งไม่เป็นธรรม มีรายงานกระบวนการชี้แจงเสร็จสิ้นแล้ว เหลือเพียงการรวบรวมสำนวน และยกร่างคำวินิจฉัย ก่อนส่งต่อคณะกรรมการชุดใหญ่ เพื่อพิจารณาลงมติ คาดว่าใช้เวลา 30 วัน จึงจะสามารถลงมติได้