ดีเอสไอเตรียมลงพื้นที่ตรวจคลีนิก 22 แห่ง หลังรับคดียาแก้หวัดหายเป็นคดีพิเศษ

อาชญากรรม
26 มี.ค. 55
14:08
9
Logo Thai PBS
ดีเอสไอเตรียมลงพื้นที่ตรวจคลีนิก 22 แห่ง หลังรับคดียาแก้หวัดหายเป็นคดีพิเศษ

กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ มีมติรับยาแก้หวัดซูโดอีเฟดรีน เป็นคดีพิเศษแล้วในวันนี้ (26 มี.ค.) และเตรียมลงพื้นที่ตรวจสอบ คลีนิก 22 แห่งที่มีการสั่งซื้อยามากผิดปกติ ขณะที่ตำรวจ จ.กาฬสินธุ์ เตรียมสรุปข้อมูลการสั่งซื้อยาดังกล่าวที่หายออกไปจากโรงพยาบาลกมลาไสยกว่า 300,000 เม็ด ให้กับ ดีเอสไอ เพื่อหาความเชื่อมโยงของยาที่หาย

ตำรวจภูธรกมลาไสย จ.กาฬสินธุ์ เข้าตรวจสอบบัญชีการสั่งซื้อยาแก้ไข้หวัด ซึ่งมีส่วนผสมของสารซูโดอีเฟดรีน ของโรงพยาบาลกมลาไสย ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2552 จนถึงปัจจุบัน พบยอดการสั่งชื่อยาเพิ่มขึ้นทุกปี โดยเมื่อปีที่แล้วเพียงปีเดียว สั่งซื้อมากถึง 3 เท่า โดยเจ้าหน้าที่ทำการตรวจสอบ เลขที่การสั่งซื้อยาเพื่อนำไปเปรียบเทียบกับซองยาที่พบใน จ.เชียงใหม่ จ.ศรีสะเกษ จ.อุดรธานี และ จ.อุตรดิตถ์ เพื่อสรุปข้อมูลให้กับกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ หาความเชื่อมโยงของยาที่หายไปกว่า 300,000 เม็ด

ขณะที่นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษเปิดเผยว่า ในวันนี้ (26 มี.ค.) ที่ประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษ มีมติเอกฉันท์ ให้กรณียาแก้หวัดซูโดอีเฟดรีน เป็นคดีพิเศษ โดยมีเป้าหมายเร่งด่วน คือ เข้าตรวจสอบสถานที่เวชกรรม คลีนิกทั้งของรัฐบาลและเอกชน 22 แห่ง เนื่องจากพบการสั่งจ่ายยาซูโดอีเฟดรีนมากผิดปกติ รวมทั้งเตรียมลงพื้นที่ จ.อุดรธานี จ.อุตรดิตถ์ จ. นครปฐม และ จ.ราชบุรี เนื่องจากการตรวจสอบที่ผ่านมา ยังไม่สามารถระบุได้ว่า ความผิดเชื่อมโยงกับผู้บริหารระดับสูงตามที่เป็นข่าวหรือไม่

ขณะที่ พล.ต.ท.จรัมพร สุระมณี ผู้ช่วย ผบ.ตร.เปิดเผยว่า ข้อมูลของกรมศุลกากรที่ผ่านมาพบว่า ในแต่ละปีมีการลักลอบนำเข้ายา ที่มีส่วนผสมของซูโดอีเฟดรีนจากประเทศเพื่อนบ้านทางภาคใต้เป็นจำนวนมาก ซึ่งการนำเข้ามาได้นั้นจะต้องผ่านหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลายหน่วยงาน

ขณะที่นายพสิษฐ์ ศักดาณรงค์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขระบุว่า ได้ส่งเรื่องการพิจารณายกระดับสารซูโดอีเฟดรีน ให้เป็นสารควบคุมอยู่ในประเภทวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท ประเภท 2 ให้คณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาแล้ว คาดว่าจะตอบกลับมาภายในสิ้นเดือน มี.ค.นี้ ส่วนกรณีที่มีบุคคลใกล้ชิดข้าราชการประจำระดับสูง ในกระทรวงสาธารณสุขเชื่อมโยงด้วยนั้น ขณะนี้ยังไม่มีหลักฐานชัดเจนที่จะสามารถเอาผิดได้


ข่าวที่เกี่ยวข้อง