"นพ.ประเวศ" แนะหนทางนำประเทศพ้นกลียุค

สังคม
31 มี.ค. 55
05:31
9
Logo Thai PBS
"นพ.ประเวศ" แนะหนทางนำประเทศพ้นกลียุค

หมอประเวศ ชี้ต้องสร้างพลังทางสังคม ให้มีอำนาจเทียบเท่าอำนาจรัฐ-อำนาจทุน เชื่อกระบวนการสมัชชาเป็นนวัตกรรมพลังสังคม สู่การแก้ปัญหาโครงสร้าง ลดความเหลื่อมล้ำ ความไม่เป็นธรรม

ที่ศูนย์นิทรรศการ และการประชุมไบเทค บางนา  นพ.ประเวศ วะสี  ประธานกรรมการสมัชชาปฏิรูป กล่าวปาฐกถาเปิดการประชุมสมัชชาปฏิรูประดับชาติ ครั้งที่ 2 พ.ศ.2555  ว่า “กระบวนการทางสมัชชาถือเป็นนวัตกรรมทางสังคมในการก่อเกิดพลังทางสังคม หรือ social energy เพื่อเขยื้อนสังคมไทยออกจากหุบเหวของสภาวะวิกฤติที่สุ่มเสี่ยงต่อการเกิดมิคสัญญีกลียุค ทั้งความขัดแย้ง ความรุนแรง ซึ่งได้สร้างโครงสร้างอำนาจที่ไม่เป็นธรรม ซึ่งเป็นเสมือนสิ่งที่กักขังสังคมไว้ไม่ให้ก้าวเดินไปข้างหน้าได้”

สำหรับความไม่เป็นธรรรมที่มากเกินไปจะเป็นพิษที่กระจายสู่ทาง สังคม และนำไปสู่ปัญหาในหลายๆ ด้าน ทั้งปัญหาทางสุขภาพ ปัญหาทางสังคม  ปัญหาทางสิ่งแวดล้อม และปัญหาทางการเมือง และหากดำรงอยู่ช้านานจะทำให้สังคมไทยขาดจิตสำนึกในเรื่องความเป็นธรรม ทำให้เกิดความไม่เป็นธรรมโดยไม่รู้ตัว ซึ่งตัวอย่างมีให้เห็นอยู่บ่อยครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งความไม่เป็นธรรมที่ถูกกฏหมาย ดังกรณีที่ชาวบ้านถูกดำเนินคดีในโทษฐานที่บุกรุกที่ดินทำกินของตนเองที่อยู่มาตั้งแต่บรรพบุรุษ ซึ่งเป็นความรุนแรงในเชิงโครงสร้างที่ยากต่อการแก้ไข

นพ.ประเวศ กล่าวต่อว่า พลังอำนาจในสังคม มี 3 ชนิด คือ อำนาจรัฐ อำนาจทุน และอำนาจสังคม  ซึ่งวันนี้อำนาจทั้ง 3 ชนิดต่างกันมหาศาล โดยพลังอำนาจรัฐ อำนาจทุนมีมาก แต่พลังอำนาจสังคมอ่อนแอ สังคมจึงเสียดุลอย่างรุนแรงและไม่ยั่งยืน ดังนั้นตราบใดที่ความเหลื่อมล้ำอำนาจยังคงอยู่ ความเป็นธรรมคงแก้ไขไม่ได้  และการแก้ปัญหาที่ถูกต้อง คือการสร้างอำนาจทั้งสามให้สมานกัน เพื่อให้เกิดสังคมสมานุภาพ จึงจะเกิดความเป็นธรรม

สิ่งสำคัญที่จะทำให้สังคมมีพลังอำนาจได้ จะต้องอาศัยพลังพลเมือง โดยการสร้างความเป็นธรรม ลดความเหลื่อมล้ำ แต่พลังพลเมืองจะเกิดขึ้นได้ก็ต้องเริ่มจาก 1.ประชาชนมีจิตสำนึก มีอิสรภาพ มีจิตสำนึกสาธารณะเพื่อส่วนร่วม 2.ประชาชนรู้ข้อมูลข่าวสารส่วนรวม และ 3.เป็นพลเมืองที่กัมมันตะ (active citizen) คือมีการรวมตัวร่วมคิดร่วมทำในเรื่องส่วนรวม รวมตัวกันในทุกพื้นที่ ทุกองค์กร และทุกเรื่อง

นอกจากนี้ต้องเข้าใจว่าพลังพลเมืองไม่ได้เกิดขึ้นจากคำสั่งสอนเป็นสำคัญ แต่เกิดขึ้นจากการลงมือปฏิบัติ เพราะฉะนั้นอย่าใช้เวลาสั่งสอนมากเหมือนที่ประเทศไทยทำ ซึ่งไม่เคยได้ผล และเรื่องใหญ่ที่สุดในการเพิ่มพลังอีกประเด็นคือ ทำให้ท้องถิ่น ชุมชน จังหวัดรู้จักการจัดการตัวเอง มีประชาคมรวมตัวกัน จนนำไปสู่การรวมตัวขนาดใหญ่ โดยการจัดการตนเอง คือการจัดการพัฒนาอย่างบูรณาการ ทั้งในเรื่องเศรษฐกิจ จิตใจ สังคม วัฒนธรรม สิ่งแวดล้อม สุขภาพ และการศึกษา  และการจัดการเพื่อร่วมกันขับเคลื่อนนโยบาย

ประธานกรรมการสมัชชาปฏิรูป กล่าวว่า สำหรับกระบวนการสมัชชาในการพัฒนา ที่รวมพลังไว้5 ประการ คือ 1.พลังของความถูกต้อง คือการทำเพื่อประโยชน์ส่วนรวม ไม่ใช่เพื่อประโยชน์คนใดคนหนึ่ง  2.พลังของความสามัคคี  คือการทำด้วยความเคารพ ศักดิ์ศรีความเป็นคนของคนทุกคน ซึ่งจะเป็นพลังสร้างสรรค์ทำให้เดินไปข้างหน้า 3.พลังทางปัญญา คือการรวมตัวกันจะต้องมีการใช้ข้อมูล เหตุผล นำมาวิเคราะห์ สังเคราะห์ ในเรื่องที่ยาก และซับซ้อน ให้เข้าใจเหตุ ซึ่งนำไปสู่การแก้ปัญหา

ดังที่มีข้อสรุปออกเป็นมติ  4.พลังของการจัดการ คือการเชื่อมต่อองค์ประกอบไปสู่ความสำเร็จ จัดการเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ให้เป็นไปได้ในกระบวนการสมัชชา และ5.พลังแห่งสันติวิธี ถือเป็นพลังมหาศาลที่จะทำให้ลดสิ่งที่ยาก นำไปสู่การแก้ปัญหาได้   สรุปแล้วกระบวนการสมัชชาถือเป็นพลังที่ซ่อนอยู่ที่เป็นพลังมหาศาล ที่จะขยายพลังแห่งจิตสำนึก สร้างความเป็นธรรมลดความเหลื่อมล้ำ และนำไปสู่การเผชิญปัญหาที่ยาก โดยเฉพาะวิกฤติทางอารยธรรม ทั้งนี้เชื่อว่าประสบการณ์คนไทยที่ได้พัฒนาสู่กระบวนการสมัชชาจะเป็นประโยชน์ที่ทำให้ประชาชน พลเมือง ได้รู้จักการเผชิญวิกฤติ และแก้วิกฤติ


ข่าวที่เกี่ยวข้อง