หลังซีเรียรับเส้นตายสหประชาชาติ แต่การต่อสู้ขยายทั่วประเทศ
การต่อสู้ระหว่างทหารฝ่ายรัฐบาลกับกองกำลังฝ่ายกบฏปรากฏขึ้นทั่วประเทศซีเรียเมื่อวานนี้ (3 เม.ย.) ซึ่งเป็นเหตุการณ์หลังรัฐบาลซีเรียประกาศยอมรับเส้นตายให้ปฏิบัติตามแผนสันติภาพ 6 ข้อของนายโคฟี่ อันนัน อดีตเลขาธิการสหประชาชาติ ที่ได้รับการแต่งตั้งให้มายุติความรุนแรงในซีเรีย โดยผู้เชี่ยวชาญด้านตะวันออกกลางชี้ว่า รัฐบาลซีเรียภายใต้การนำของประธานาธิบดีบาชาร์ อัล อัสซ๊าด ยอมรับแผนสันติภาพครั้งนี้ก็ด้วยแรงกดดันจากรัสเซีย พันธมิตรเก่าแก่ที่หันมาเปลี่ยนท่าที ประกอบกับประธานาธิบดีบาชาร์จำต้องหาทางหนีทีไล่เพื่อไม่ให้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติออกมติให้มีการใช้กำลัง ทั้งนี้ผู้เชี่ยวชาญด้านตะวันออกกลางระบุด้วยว่า ประธานาธิบดีบาชาร์กำลังเล่นเกมกับนานาชาติด้วยเหตุผลเพื่อซื้อเวลาให้ตนเองและพรรคพวก
แผนสันติภาพ 6 ข้อนั้นประกอบด้วย รัฐบาลซีเรียต้องถอนทหาร รถถัง รวมถึงอาวุธหนักออกมาจากทุกเขตชุมชน แต่ที่ประธานาธิบดีบาชาร์ จำเป็นต้องซื้อเวลานั้นก็เพราะในข้อ 6 ระบุว่า รัฐบาลซีเรียต้องเคารพเสรีภาพของการรวมกลุ่ม และการประท้วงโดยสงบ ซึ่งก็มีการมองกันว่าจะมีชาวซีเรียออกมาประท้วงกันอย่างมากมาย เพื่อเรียกร้องให้โค่นล้มรัฐบาลภายใต้การนำของประธานาธิบดีบาชาร์
ขณะนี้หลายประเทศ และหลายฝ่ายกำลังเคลื่อนไหวเกี่ยวกับซีเรีย โดย"กลุ่มเพื่อนชาวซีเรีย"ที่เป็นการรวมตัวกันของกว่า 80 ประเทศ รวมทั้งสหรัฐฐ สันนิบาตอาหรับและกลุ่มชาติในอ่าวเปอร์เชีย เป็นผู้ผลักดันให้นายอันนันกำหนดกรอบเวลาหรือเส้นตายที่รัฐบาลซีเรียจะต้องลงมือปฏิบัติในวันที่ 10 เมษายนนี้/ นอกจากนี้ กลุ่มเพื่อนของชาวซีเรียยังเป็นผู้ประกาศจ่ายเงินเดือนให้กับนักรบของ"กองทัพซีเรียเสรี" ซึ่งสมาชิกส่วนใหญ่เป็นทหารแปรพักตร์มาเข้าข้างผู้ประท้วง
สาเหตุที่หลายประเทศต้องเคลื่อนไหวนอกกรอบสหประชาชาติก็เพราะ ก่อนหน้านี้รัสเซีย และจีนเคยใช้สิทธิยับยั้ง หรือวีโต้มติ ประณามการปราบปรามผู้ประท้วงของรัฐบาลซีเรีย ซึ่งมติดังกล่าวอาจปูทางไปสู่การใช้กำลังเข้าบังคับในรูปแบบต่างๆ เหมือนกับเหตุการณ์ในลิเบีย โดยล่าสุดตุรกี ซึ่งรับภาระผู้ลี้ภัยชาวซีเรียจำนวนมากถึงกับออกมากล่าวหาว่า การนิ่งเฉยดูประชาชนชาวซีเรียล้มตายมานานกว่า 1 ปีนั้นก็เท่ากับว่า คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติให้ท้ายหรือสนับสนุนการปราบปรามผู้ประท้วงของรัฐบาลซีเรีย