ตลาดรถยนต์จีนยังอยู่ในช่วง "ไม่ฟื้นตัว" แต่มุ่งเป้าสู่อุตสาหกรรม"รถสีเขียว"

ต่างประเทศ
15 พ.ค. 55
10:40
16
Logo Thai PBS
ตลาดรถยนต์จีนยังอยู่ในช่วง "ไม่ฟื้นตัว" แต่มุ่งเป้าสู่อุตสาหกรรม"รถสีเขียว"

 ดร. ไพจิตร วิบูลย์ธนสาร  อัครราชทูต (ฝ่ายการพาณิชย์) รายงานสถานการณ์รถยนต์จีนในช่วงไตรมาสแรกว่ายังไม่ฟื้นตัวเท่าที่ควร ขนาดเดียวกันก็มีแผนมุ่งเป้าขึ้นเป็นผู้นำ "รถยนต์สีเขียว" ว่า ตลาดรถยนต์ในจีนยังไม่ฟื้นตัวจากปีที่ผ่านมา ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2555 ยอดขายรถยนต์เชิงพาณิชย์ลดลงร้อยละ 3.4 ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยรถยนต์นั่ง (Passenger Vehicle) มียอดขาย 3.4 ล้านคัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 2 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา 

 
ขณะที่ยอดขายรถบรรทุกขนาดเล็ก (Light Commercial Vehicle) ยังคงชะลอตัวต่อไปโดยมียอดจำหน่ายอยู่ที่ 1.4 ล้านคัน ลดลงร้อยละ 6 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งเป็นเพราะอัตราการขยายตัวของยอดจำหน่ายรถยนต์ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2554 ที่ค่อนข้างสูง ทำให้อัตราการเติบโตในช่วงแรกของปี 2555 ดูอ่อนแอกว่าที่เป็นจริง
 
โดยทั่วไปแล้ว ความผันผวนของตลาดรถยนต์จีนส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมรถยนต์แต่ละประเภทในอัตราที่แตกต่างกัน เมื่อตลาดชะลอตัว รถยนต์ขนาดจิ๋ว (Mini-Car) จะได้รับผลกระทบเป็นอันดับแรก และส่งผลต่อไปยังรถยนต์นั่งที่มีขนาดใหญ่ขึ้นโดยลำดับ แต่ในทางกลับกัน เมื่อตลาดรถยนต์อยู่ในช่วงขาขึ้น รถยนต์นั่งขนาดจิ๋วก็จะได้รับประโยชน์ก่อน 
 
สำหรับตลาดรถยนต์และพลังงานโลกและจีน เมื่อเดือนสิงหาคม 2554 จำนวนรถยนต์ทั่วโลกเพิ่มขึ้นแตะ 1 พันล้านคันเป็นครั้งแรก โดยในจำนวนนี้ เกือบครึ่งหนึ่งของการเติบโตของจำนวนรถยนต์ใหม่เกิดขึ้นในจีน ทำให้จีนแซงหน้าสหรัฐฯ กลายเป็นตลาดรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกนับแต่ปี 2552 โดยแต่ละวันมีรถยนต์ใหม่จำนวนหลายพันคันออกสู่ท้องถนน 
 
ทั้งนี้ จีนนับเป็นประเทศผู้บริโภคพลังงานสูงที่สุดแห่งหนึ่งของโลก โดยคาดว่าจะเพิ่มขึ้นจากวันละ 8.9 ล้านบาร์เรลในปี 2553 เป็นวันละ 15 ล้านบาร์เรลในปี 2563 ขณะเดียวกัน การนำเข้าน้ำมันของจีนจะเพิ่มขึ้นจากวันละ 5 ล้านบาร์เรลเป็นวันละ 10.6 ล้านบาร์เรล ตามลำดับ และหากว่ารูปแบบการเดินทางไม่ได้รับการปรับแก้ และปล่อยให้จำนวนรถยนต์ต่อประชากรของจีน ซึ่งอยู่ในระดับเพียง 58 คันต่อ 1,000 คนในปี 2553 เพิ่มขึ้นไปอยู่ในระดับเดียวกับของสหรัฐฯ ที่ 840 คันต่อ 1,000 คน (ญี่ปุ่น 590 คันต่อ 1,000 คน และเยอรมนี 547 คันต่อ 1,000 คน) 
 
คาดว่า ความต้องการน้ำมันของจีนเพียงประเทศเดียวก็จะสูงกว่าการผลิตน้ำมันโลกแล้ว ซึ่งอาจทำให้จีนต้องเผชิญกับปัญหาและความเสี่ยงในหลายด้าน ด้วยเหตุนี้จึงทำให้รัฐบาลจีนสนใจกับปัญหาและความท้าทายดังกล่าว และเริ่มหันมาให้ความสำคัญกับการพัฒนาอุตสาหกรรม “ยานยนต์พลังงานไฟฟ้า” (Electric Vehicles: EVs) และการประหยัดพลังงานอย่างจริงจัง


ข่าวที่เกี่ยวข้อง