ชาติตะวันตกร่วมมือ ขับทูตซีเรียออกนอกประเทศ
สหรัฐขอให้เจ้าหน้าที่การทูตระดับสูงของซีเรีย ออกจากสหรัฐภายใน 72 ชั่วโมง เพื่อตอบโต้ต่อกรณีที่มีการสังหารหมู่พลเรือน 108 คนรวมทั้งเด็กและสตรีเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา(25พ.ค.) แม้ว่ารัฐบาลซีเรียจะออกมาปฏิเสธว่าทหารไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้และกล่าวหาว่าเป็นฝีมือของกลุ่มก่อการร้าย โดยซีเรียได้เรียกทูตซีเรียประจำสหรัฐกลับประเทศเมื่อปีที่แล้ว และยังไม่ได้แต่งตั้งทูตคนใหม่
ขณะที่แคนาดา ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี สเปน และอังกฤษ รวมทั้งออสเตรเลียได้ออกมาตอบโต้ในทำนองเดียวกัน โดยญี่ปุ่นเป็นชาติเอเชียชาติแรกที่ขอให้ทูตซีเรียเดินทางออกจากญี่ปุ่นเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ หลังจากชาติมหาอำนาจตะวันตกมีคำสั่งนี้
ส่วนความเห็นของทางการสหรัฐต่อสถานการณ์ความรุนแรงในซีเรีย ระบุว่าการใช้กำลังทหารแทรกแซงในตอนนี้จะยิ่งทำให้เกิดความวุ่นวายและการนองเลือดมากขึ้น สหรัฐกำลังประเมินสถานการณ์และทำงานร่วมกับชาติพันธมิตรและคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ และยังคงสนับสนุนแผนการสันติภาพที่เสนอโดยนายโคฟี่ อันนัน ทูตพิเศษสหประชาชาติ และหวังว่าการกดดันนายบาชาร์ อัล อัซซาด ประธานาธิบดีซีเรีย จะประสบความสำเร็จ แต่ทางการสหรัฐจะไม่ถอนทางเลือกการใช้กำลังทหารในการจัดการกับวิกฤตความรุนแรงในซีเรีย
ขณะที่จีนแสดงการคัดค้านการแทรกแซงทางการทหารในซีเรีย และเรียกร้องให้ทุกฝ่ายสนับสนุนแผนการสันติภาพของนายอันนัน ผลักดันให้มีการเจรจากันทางการทูตในซีเรีย และยังไม่ยืนยันว่าจีนจะสั่งขับทูตซีเรียออกนอกประเทศตามชาติตะวันตกหรือไม่
นายอันนัน ซึ่งได้เข้ากับกับประธานาธิบดีซีเรียในกรุงดามัสกัสเมื่อวานนี้(29พ.ค.) เพื่อให้ทำตามแผนสันติภาพ 6 ข้อ กล่าวว่าสิ่งที่ประชาคมโลกเรียกร้องซีเรียในขณะนี้คือการลงมือทำในทันที ไม่ใช่คำพูด โดยนายอันนันได้เสนอให้มีการหยุดยิงตั้งแต่วันที่ 12 เมษายนที่ผ่านมา แต่ก็ไม่สามารถทำให้กองทัพซีเรียและกลุ่มกบฏหยุดยิงกันได้
ล่าสุดมีวิดีโอของผู้รอดชีวิตจากเหตุสังหารหมู่ 108 ศพในซีเรียเผยแพร่ทางอินเทอร์เน็ต เล่าถึงการสังหารหมู่ในเมืองโฮล่า ว่าทหารของกองทัพซีเรียได้ฆ่าคนที่พวกเขารัก โดยสตรีคนหนึ่งบอกว่าสามีและคนอื่นในบ้านเธออีก 13 คนถูกทหารฆ่าตาย
สำหรับความรุนแรงช่วง 14 เดือนที่ผ่านมานับตั้งแต่มีการประท้วงขับไล่ประธานาธิบดีซีเรียออกจากตำแหน่ง ทำให้มีผู้เสียชีวิตในซีเรียแล้วกว่า 10,000 คน