นายสุเทพ น้อยไพโรจน์ รองอธิบดีกรมชลประทานได้ยืนยันสถานการณ์น้ำ หลังจากหลายฝ่ายมีการคาดการณ์ว่า กรมชลประทานต้องระบายน้ำผ่านเขื่อนเจ้าพระยาเพิ่มมากขึ้น เพื่อรองรับน้ำจากลุ่มน้ำตอนบน ซึ่งก็จะทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณท้ายเขื่อนเจ้าพระยาเพิ่มสูงขึ้น ตั้งแต่ จ.ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา และเกรงว่าจะเกิดเหตุอุทกภัยครั้งใหญ่เหมือนปลายปีที่ผ่านมา(พ.ศ.54) โดยยืนยันว่าพื้นที่ที่เคยท่วมเมื่อปีที่แล้ว ปีนี้จะไม่ท่วมอีกแน่นอน โดยเฉพาะนิคมอุตสาหกรรม แต่พื้นที่รองรับน้ำ ที่น้ำท่วมเป็นประจำทุกปี ปีนี้ก็จะท่วมอีกแต่ไม่ท่วมสูงและรุนแรงเท่าปีที่แล้วแน่นอน
ทั้งนี้ รองอธิบดีกรมชลประทาน กล่าวว่า สำหรับลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยานั้น ทางตอนเหนือยังรับน้ำได้มาก เช่น เขื่อนเจ้าพระยา และเขื่อนสิริกิติ์ แม้ที่ จ.น่าน จะมีฝนตกมาก แต่ปริมาณน้ำในเขื่อนสิริกิติ์มีปริมาณเพียง 48% แต่ที่น่าห่วงคือ ลุ่มแม่น้ำยม เพราะไม่มีอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่เลย รวมทั้งที่สุโขทัย ที่ปริมาณน้ำก็เริ่มล้นตลิ่งแล้วและทำความเสียหายให้ชาวบ้าน แต่กรมชลฯก็พยายามใช้เครื่องมือในการบริหารจัดการน้ำอยู่
ส่วนการประเมินสถานการณ์น้ำ กรมชลประทานได้ประเมินจากสถานการณ์ฝนที่คาดว่าจะตกซึ่งใน 3 เดือนต่อไป ยังยืนยันว่าปริมาณฝนยังอยู่ในเกณฑ์ปกติเท่ากับปี 54 และยังไม่น่ากังวล แต่ยังคาดหมายว่าปลายมิถุนายนนี้อาจเกิดฝนตกหนักอีก แต่ที่ต้องระวังคือปลายเดือนสิงหาคมเป็นต้นไป ซึ่งกรมชลประทานจะเฝ้าระวังเป็นพิเศษอยู่