ศาลสหรัฐฯ ปฏิเสธ คำร้อง 
ในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา เเลนซ์ อาร์มสตรอง ถูกตั้งข้อหาจาก ยูเอสเอดีเอ ว่า เเอบใช้สารกระตุ้นตลอดระยะเวลาที่ลงเเข่งในวงการจักรยาน โดยอ้างจากคำกล่าวหาของอดีตเพื่อนร่วมทีม เเละอาร์มสตรอง มีเวลาชี้เเจงข้อกล่าวหาดังกล่าวจนถึงวันเสาร์นี้ (14ก.ค.55) ซึ่งหากพบว่า อาร์มสตรอง มีความผิดจริง ก็จะทำให้เค้าถูกริบแชมป์คืนทั้งหมด รวมถึงแชมป์ตูร์ เดอ ฟรองซ์ 7 สมัยซ้อนอีกด้วย
ล่าสุด อาร์มสตรอง ได้มอบหมายให้ทนายความส่วนตัว ทำเรื่องยื่นฟ้องต่อศาลในสหรัฐอเมริกา เพื่อปฏิเสธข้อกล่าวหาจาก ยูเอสเอดีเอ ซึ่งเป็นองค์กรที่ก่อตั้งโดยรัฐสภาของสหรัฐในปี 2000 ก่อนที่ผู้พิพากษา จะปฏิเสธรับคำร้อง โดยระบุว่า เอกสารที่ทนายของอาร์มสตรองยื่นมานั้น ยังขาดรายละเอียดและไม่เพียงพอ แต่ก็สามารถกลับมายื่นคำร้องใหม่ได้ภายใน 20 วัน
ก่อนหน้านี้ทนายความของอาร์มสตรอง กล่าวว่า อาร์มสตรอง เคยผ่านการตรวจสารกระตุ้นมาเป็นนับร้อยครั้ง แต่ไม่เคยถูกตรวจพบว่าใช้สารกระตุ้นเลยเเม้เเต่ครั้งเดียว พร้อมกับกล่าวว่า สหพันธ์จักรยานนานาชาติ สมควรเป็นผู้ตรวจสอบเรื่องนี้มากกว่า ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของ ยูเอสเอดีเอ อาร์มสตรองในวัย 40 ปี สร้างชื่อเสียงจากการที่เค้าสามารถชนะโรคมะเร็งจนหายขาด ก่อนจะทำผลงานสุดยอดด้วยการคว้าแชมป์จักรยานทางไกล ตูร์ เดอ ฟรองซ์ ถึง 7 สมัยติดต่อกัน ระหว่างปี 1999 - 2005 ติดต่อกัน
การแข่งขันจักรยานทางไกล ตูร์ เดอ ฟรองซ์ ที่ฝรั่งเศส สเตจที่ 9 แข่งขันแบบจับเวลาไทม์ ไทรอัล ใช้เส้นทางจาก อาร์ก-เอต์ เซอร์น็องส์ ถึง เบอซ็องซง รวมระยะทาง 41.5 กิโลเมตร ปรากฎว่า แบรดลีย์ วิกกินส์ เจ้าของเสื้อเหลืองจากสหราชอาณาจักร ปั่นเข้าเส้นชัยด้วยเวลาเร็วที่สุด 51.24 นาที เร็วกว่า คริสโตเฟอร์ ฟรูม เพื่อนร่วมชาติอยู่ 35 วินาที ทำให้ วิกกินส์ ยังครองผู้นำเวลารวมต่อไป ด้วยเวลา 39 ชั่วโมง 9 9.20 นาที นำห่าง อีแวนส์ 1.53 นาที วันนี้ (10 ก.ค.55) จะหยุดพักการเเข่งขัน 1 วัน ก่อนจะกลับมาเเข่งสเตจที่ 10 ในวันพรุ่งนี้ (11 ก.ค.55) ใช้เส้นทางจาก มากง ถึง แบลการ์กด์-ซูร์ก-วัลเซอร์รีน ซึ่งเป็นการปั่นขึ้นภูเขาสูง รวมระยะทางทั้งสิ้น 194.5 กิโลเมตร