เหตุก่อการร้ายครั้งรุนแรงที่สุดในรอบกว่า 20 ปีของรัสเซีย จุดชนวนของวิวาทะรอบใหม่ระหว่างรัสเซียกับยูเครน หลังจากยูเครนระบุว่ารัสเซียหาเหตุกล่าวโทษเพื่อยกระดับความรุนแรงในการทำสงคราม ขณะที่ประชาชนในหลายพื้นที่ของรัสเซียร่วมกันไว้อาลัยต่อผู้เสียชีวิตจากเหตุสะเทือนขวัญในครั้งนี้
ชัยชนะของ “วลาดิเมียร์ ปูติน” ในศึกเลือกตั้งผู้นำรัสเซียวานนี้ (18 มี.ค. 67) ทำให้ทั่วโลกกลับมาพูดถึงสงครามรัสเซีย - ยูเครนอีกครั้ง สมรภูมิรบนี้มีการใช้โดรนโจมตีคู่ต่อสู้เป็นวงกว้าง โดยเฉพาะยูเครน หลังเผชิญกับภาวะขาดแคลนกระสุนปืนใหญ่ จึงเป็นคำถามว่าระหว่างโดรนกับกระสุนปืนใหญ่ การโจมตีแบบไหนมีแสนยานุภาพกว่ากัน
วันนี้ (10 มี.ค. 67) สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ประมุขแห่งคริสตจักรนิกายโรมันคาทอลิก ประทานให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ของสวิตเซอร์แลนด์ โดยการสัมภาษณ์ตอนหนึ่ง ผู้ดำเนินรายการ ตั้งคำถามว่าพระองค์ทรงมีความเห็นอย่างไรต่อกรณีที่มีบางฝ่ายเรียกร้องให้ยูเครนยอมแพ้ หากไม่สามารถขับไล่กองกำลังของรัสเซียออกนอกประเทศได้ สมเด็จพระสันตะปาปา ตรัสว่า ผู้ที่เข้มแข็งที่สุดคือ ผู้ที่มองเห็นสถานการณ์ และคิดถึงประชาชน และมีความกล้าที่จะยกธงขาวและเจรจา อย่าอับอายที่จะเจรจา ก่อนที่สถานการณ์จะเลวร้ายไปมากกว่านี้ จะต้องมีผู้เสียชีวิตอีกเท่าไหร่กว่าสงครามจะจบ ดังนั้นควรจะหาประเทศที่เป็นตัวกลางสำหรับการเจรจา
กระทรวงกลาโหมรัสเซีย เผยแพร่วิดีโอให้เห็นสภาพบ้านเมืองภายในเมืองอาฟดีอีฟกา ทางตะวันออกของยูเครน ที่เสียหายอย่างหนัก หลังจากที่รัสเซียสามารถยึครองเมืองนี้ได้อย่างเบ็ดเสร็จเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา การสูญเสียเมืองอาฟดีอีฟกาให้รัสเซียเป็นสัญญาณว่าแนวรบกว่า 1,000 กิโลเมตรเริ่มขยับเข้ามาในดินแดนยูเครน หลังจากที่กองทัพยูเครนต้องล่าถอย เนื่องจากขาดแคลนทั้งกำลังพลและเครื่องกระสุน
ตลอดช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ยูเครนพึ่งพาความช่วยเหลือจากชาติตะวันตกเป็นหลัก เพื่อต่อกรกับรัสเซีย ซึ่งปัจจุบัน สหภาพยุโรป (EU) กลายเป็นกลุ่มที่อัดฉีดความช่วยเหลือให้ยูเครนมากที่สุด ใกล้แตะ 85,000 ล้านยูโร แซงหน้าสหรัฐฯ ซึ่งอยู่ที่ประมาณ 67,000 ล้านยูโร